บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดความสำเร็จหลังปูพรมขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนงาน 5 ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence พร้อมเร่งเครื่องสร้างการเติบโตในปี 2566 ใน 5 กลุ่มธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ The Next Sustainable Growth

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล ได้ดำเนินแผนธุรกิจตามยุทธศาสตร์ 5 ปี CRC Retailligence และสร้างความสำเร็จในการขยายพอร์ตธุรกิจให้เติบโตทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ฟู้ด, แฟชั่น, ฮาร์ดไลน์, พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลธ์แอนด์เวลเนส โดยสร้างรายได้รวมเติบโตมากกว่า 20% ถือเป็นผลประกอบการที่เกินเป้าที่ตั้งไว้ในปี 2565

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 นั้น เซ็นทรัล รีเทล มองเห็นสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการในทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว จากสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การเปิดประเทศของจีน รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว

ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล วางแผนที่จะใช้เงินลงทุน 28,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจบนยุทธศาสตร์ CRC Retailligence โดยมุ่งเน้นที่จะสร้าง เซ็นทรัล รีเทล ให้เป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer ของเอเชีย และสร้างการเติบโตในประเทศเวียดนามอย่างก้าวกระโดด ด้วยการขยายโมเดลธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้า GO! ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593

go store in veitnam

ทั้งนี้ เพื่อให้เป้าหมายทั้งหมดสำเร็จได้ เซ็นทรัล รีเทล จะดำเนินการผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

  1. เร่งสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลักในทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยจะดำเนินการให้ครบทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ฟู้ด, แฟชั่น, ฮาร์ดไลน์, พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลธ์แอนด์เวลเนส
  2. นำเทคโนโลยี และ AI มาใช้ในการพัฒนา CRC Ecosystem ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และมุ่งสู่การเป็น Smart Retail
  3. เปิดตัวธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเสริมทัพธุรกิจในประเทศไทยและเวียดนาม
  4. ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านการร่วมมือกับพันธมิตร และการทำ M&A พร้อมนำ MEB เบอร์ 1 แพลตฟอร์ม E-Book เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai โดยจะมีการเสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

สำหรับสร้างฐานการเงินที่แข็งแกร่งนั้น จะทำบนกลยุทธ์ 3C คือ Cost บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business และเร่งขยาย Proven Format และ Cash Flow ขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้มีความรวดเร็ว คล่องตัว และเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้น สำหรับสร้างการเติบโตทางธุรกิจต่อไป

นายญนน์ เปิดเผยว่า การดำเนินการทั้ง 4 กลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้ เซ็นทรัล รีเทล เติบโตสู่ The Next Sustainable Growth และคาดว่าจะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ราว 270,000 ล้านบาท และเติบโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังคงตอกย้ำการเป็น Green & Sustainable Retail ผ่าน 4 กลยุทธ์ ReNEW โดยตั้งเป้าระยะสั้นในปี 2566 ที่จะนำพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ให้ได้ 30%, ลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ 10% และลดการใช้น้ำ 10% รวมถึงเพิ่มการจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคิดเป็นสัดส่วน 20% ของสินค้าทั้งหมด และเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่าอีก 5,000 ไร่ เพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย