พอมีคนเอ่ยชื่อ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ภาพที่เข้ามาในหัวของคนส่วนใหญ่คือชายผู้ประสบความสำเร็จ เจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla และบริษัทเอกชนทางด้านธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ SpaceX ที่โด่งดังทั่วโลก ร่ำรวยติดอันดับ 1 ของโลกอยู่บ่อยครั้ง (สลับกันกับ เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Amazon) แต่ถ้าใครดูชีวิตส่วนตัวของเขาที่นอกเหนือจากความสำเร็จทางด้านการงานและการเงินของเขาแล้วจะรู้เลยว่าชีวิตของชายคนนี้เปรียบเหมือนฝันร้ายที่หลายคนอาจจะอยากรีบตื่นเลยทีเดียว

อย่างแรกเลยคือเรื่องความรักและความสัมพันธ์กับครอบครัว เขาเคยแต่งงานและหย่ามาแล้ว 3 ครั้ง มีลูกทั้งหมด 7 คน (ลูกชาย 6 คนและคนสุดท้องคือผู้หญิง) แต่ไม่เคยได้ใช้เวลาด้วยกันเลย ตั้งแต่ภรรยาที่เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ดาราฮอลลีวูด หรือแม้แต่นักดนตรี ความรักของเขาจบลง (แม้จะไม่มีคดีฟ้องหย่าหรือเรื่องราวใหญ่โต) เพราะเหตุผลเดิม ๆ นั่นก็คือเรื่องงานและเวลา แม้เขาจะบอกว่าลูก ๆ ของเขาคือ “The love of my life” กับนิตยสาร Business Insider ในปี 2010 แต่ก็ดูเหมือนงานมักมาก่อนเสมอ

มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ลองสามีทำงานตลอด ไม่อยู่บ้าน 365 วันต่อปี มันก็เดาได้ไม่ยากว่าวันหนึ่งเรื่องนี้มันก็จะเกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะร่ำรวยขนาดไหน ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน สร้างนวัตกรรมหลุดโลก พูดอะไรก็ได้ไม่ค่อยแคร์คนอื่น มั่นใจตัวเองสูง (บางทีก็มากเกินไปด้วย อย่างมีครั้งหนึ่งที่เขาทวีตในช่วงเริ่มต้นการระบาดของ Covid-19 เดือนมีนาคม 2020 ว่า ‘การตื่นตะหนกของโคโรนาไวรัสเป็นเรื่องที่งี่เง่า’) เป็นไอดอลที่หลายคนคลั่งไคล้ความสามารถ โตมาอยากเป็นอย่างมัสก์ แต่อยากแชร์เรื่องชีวิตของเขาไว้สักหน่อย เพราะไม่มีอะไรที่สวยงามไปทั้งหมด ด้านมืดของความสำเร็จในชีวิตของมัสก์ก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ชีวิตของมัสก์เต็มไปด้วย “งาน” ที่กลืนกินทุกสิ่งอย่างและแทบทุกวินาทีที่เขาลืมตาตื่นในแต่ละวันเลย หลายคนอาจจะบอกว่าเราก็ทำงานหนักกันทั้งนั้นแหละ แต่มัสก์เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร New York Times ในปี 2018 ว่าแต่ละอาทิตย์นั้นเขาทำงานกว่า 120 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าในหนึ่งอาทิตย์ที่มี 168 ชั่วโมงนั้น เขามีเวลาพักแค่ 48 ชั่วโมง และทำงานวันละ 17 ชั่วโมงเลย คิดง่าย ๆ ตื่น 7 โมง ทำงานยาวถึงเที่ยงคืน ไม่หยุดเลยนะ นอนหลับ แล้วตื่นมา 7 โมงวนแบบนี้อีกทุกวัน มันเป็นการทำงานที่หนักเกินร่างกายมนุษย์จะรับไหวในระยะยาว

นักแสดงหญิง ทาลูลาห์ ไรลีย์ อดีตภรรยาของ อีลอน มัสก์

เขาเล่าในการสัมภาษณ์นั้นว่าการทำงานหนักทำให้เขาอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่าย บางทีพลั้งปากพูดโดยไม่ทันได้คิด อย่างมีครั้งหนึ่งระหว่างที่คุยกับนักวิเคราะห์ตลาดหุ้นถึงปัญหาของการผลิตรถยนต์ Tesla และการใช้เงินลงทุนอย่างมากในบริษัท เขาบอกกับนักวิเคราะห์ว่า “เราไม่สนใจที่จะทำให้นักเทรดหุ้นรายวันพึงพอใจหรอกนะ ไม่สนใจเลย ได้โปรดขายหุ้นของเราไปเลยแล้วไม่ต้องกลับมาซื้ออีก” แน่นอนครับ หุ้นร่วงกรูดไป 5.6% ภายในวันเดียว

ต่อมาภายหลังมัสก์ก็ออกมาขอโทษกับคำพูดที่ดูแรงเกินไปจนทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจผิด สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อในตอนนั้นก็คืออยากให้มองไปในระยะยาวมากกว่า พวกเขากำลังแก้ไขปัญหากันอยู่อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็นั่นแหละครับพอคนที่ทำงานหนัก ๆ ติดกันเป็นระยะเวลานานมักจะอารมณ์เสียได้ง่ายมาก ในกรณีของมัสก์เขาบอกเลยว่าไม่ได้พักเกินอาทิตย์มานานมากแล้วตั้งแต่ปี 2001 และที่ต้องพักเป็นอาทิตย์ก็เพราะป่วยเป็นไข้มาลาเรีย ไม่ได้เพราะอยากพัก แต่ป่วยจนไปไหนไม่ได้เลยจำเป็นต้องอยู่บ้าน

หลายครั้งเขาไม่ออกจากบริษัทเลย 3-4 วัน ทำงานติด ๆ กัน กินนอนที่นั่นไม่ได้กลับบ้าน วันที่คนปกติจะเฉลิมฉลองไปเที่ยวกับครอบครัวอย่างวันเกิด มัสก์ก็ใช้มันไปกับการทำงาน เขาเล่าถึงวันเกิดบอกว่า “ทำงานทั้งคืนเลย ไม่มีเพื่อน ไม่มีอะไรเลย” ฟังดูแล้วก็เศร้าไม่น้อยเลยทีเดียว

มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เขาต้องไปงานแต่งงานของน้องชาย คิมบัล มัสก์ (Kimbal Musk) ที่เมืองฌิโรนา (Girona) ประเทศสเปน หลังจากเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยก็ต้องขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปที่งาน ถึงก่อนงานเริ่มเพียง 2 ชั่วโมง แทบไม่มีเวลาได้แสดงความยินดีกับน้องชาย เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าร่วมงาน กินข้าวนิดหน่อย อยู่ที่นั่นต่ออีกแค่แป๊บเดียว พอเจ้าสาวโยนดอกไม้เสร็จก็บินกลับมาทำงานต่อ แทบไม่ทันจะแสดงความยินดีกับบ่าวสาวด้วยซ้ำ

แค่ฟังก็เหนื่อยแล้ว

ถึงตอนนี้เราเห็นว่าชีวิตของเขาไม่ได้สบายหรือมีความสุขไปซะทุกอย่าง เขาอาจจะกำลังสร้างจรวดพาคนไปอวกาศอันไกลโพ้น แต่ชีวิตเขากลับติดแหงกอยู่กับงานไปไหนแทบไม่ได้เลย เรื่องสุขภาพแน่นอนว่ามีโอกาสพังได้ง่ายมาก ความเครียด แรงกดดัน ตารางงานที่บ้าคลั่ง เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมปะทุได้เสมอ บางครั้งเมื่อเราเห็นเขาพูดอะไรออกมาแบบแรง ๆ หรือตรง ๆ ก็มาจากความเหนื่อยล้าด้วยเช่นกัน เพราะยังไงเขาก็คือมนุษย์คนหนึ่ง (ใช่ไหม?)

เราเห็นมัสก์ในการสัมภาษณ์ออกสื่อหลายครั้ง พอเจอคำถามเกี่ยวกับเรื่องความฝัน สิ่งที่เขากำลังทำ ทุกคำตอบล้วนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ แม้หลายครั้งเขาต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรค บางทีเจอคนที่เขามองว่าเป็นฮีโรในชีวิตอย่างนักบินอวกาศ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) และ ยูจีน เคอร์แนน (Gene Cernan) ออกมาให้ความเห็นอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะว่าไม่สนับสนุนโครงการของ SpaceX ให้มีการพัฒนาการเดินทางโดยอวกาศโดยบริษัทเอกชน ซึ่งในรายการ 60 minutes มัสก์เงียบไปพักหนึ่งเลยก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาตอบได้ “ผมเศร้ามากเลยกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเป็นฮีโรของผมเลย เพราะฉะนั้นมันเจ็บปวดเลยทีเดียว”

มีอีกคำถามหนึ่งที่มัสก์ถูกถามเกี่ยวกับช่วงเวลาที่หนักหน่วงของบริษัท Tesla และ SpaceX ปี 2008 จนเกือบล้มละลาย มันเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และทั้งสองบริษัทก็เหมือนสิ่งที่เขาพยายามฟูมฟักมาตลอดหลายปี ทุ่มเททุกลมหายใจเข้าออกให้กับมัน ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์มัสก์ถึงขั้นน้ำตาคลอเบ้าแล้วพูดต่อไม่ได้ บอกว่าขอพักก่อนได้ไหมเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่หนักมาก คนสัมภาษณ์ถามว่า “เมื่อคุณมีบริษัทก็ต้องดูแล ให้อาหาร และอุ้มชูทุกอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณพังพินาศก็ตาม?”

มัสก์ตอบสั้น ๆ ว่า “ใช่ครับ…” แล้วก็เงียบไปเลย

เราเห็นชีวิตของมัสก์ที่เต็มไปด้วยความทะเยอะทะยาน ความฝันที่ยิ่งใหญ่เปลี่ยนโลก ความสำเร็จที่มากมาย เราเห็นชายคนหนึ่งที่สู้ไม่เคยถอย เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่ทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าใครจะบอกว่ามันยากแค่ไหน ถ้าเขาเชื่อว่าทำได้ก็จะลองทำ ค่ำคืนที่ยาวนาน การทำงานอย่างหนัก ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่น่านับถือทั้งสิ้น เพียงแต่ถ้าถามว่าชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบไหม… ถึงตอนนี้หลายคนอาจจะพอเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่แบบนั้น บางคนอาจจะเรียกมันคือฝันร้ายเลยก็ได้ แต่นั้นแหละครับคือชีวิตของเขา อีลอน มัสก์ ชายที่มีพร้อมทั้ง ชื่อเสียง เงินทอง และอิทธิพล แต่ความสำเร็จนี้ก็มาพร้อมกับด้านมืดของมันที่ไม่สวยงามเช่นเดียวกัน

อ้างอิง 1 อ้างอิง 2 อ้างอิง 3
อ้างอิง 4 อ้างอิง 5 อ้างอิง 6
อ้างอิง 7 อ้างอิง 8

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส