บิล เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ประกาศเพิ่มพันธสัญญาทางการกุศลของเขาเป็น 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า

โดยให้เหตุผลว่า ปัญหาเร่งด่วนของโลก เช่น สุขภาพเด็ก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลดความยากจน ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

แต่เกตส์ระบุว่า แม้เขาจะพยายามมากเพียงใด แต่เงินจากมูลนิธิส่วนบุคคลอย่างมูลนิธิเกตส์ ก็ไม่อาจชดเชยการตัดงบหลายหมื่นล้านเหรียญจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศร่ำรวยอื่น ๆ ได้

พร้อมแสดงความไม่พอใจต่อการตัดงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การผลักดันของหน่วยงานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอีลอน มัสก์ (Elon Musk)

โดยเฉพาะเมื่อหน่วยงาน USAID (United States Agency for International Development) ซึ่งเคยแจกจ่ายงบกว่า 42,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 ถูกปิดตัวลง ส่งผลกระทบต่อการดูแลเด็กขาดสารอาหารกว่า 1 ล้านราย และอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคมาลาเรียเพิ่มอีกถึง 166,000 คน

มูลนิธิเกตส์ ซึ่งก่อตั้งร่วมกับอดีตภรรยา เมลินดา เกตส์ (Melinda Gates) ตั้งแต่ปี 2000 ได้บริจาคไปแล้วกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และตั้งเป้าจะปิดตัวลงในปี 2045 หลังเกตส์ได้มอบทรัพย์สินเกือบทั้งหมดให้

ซึ่งเกตส์เขียนไว้ในบล็อกว่า “ผมไม่อยากให้ใครพูดว่า ‘เขาตายไปพร้อมกับความมั่งคั่งมหาศาล’ เพราะมีปัญหาอีกมากที่ควรใช้ทรัพยากรนี้ช่วยเหลือผู้คน”

การเคลื่อนไหวของเกตส์ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของการสนับสนุนจากภาครัฐในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและวิกฤตหลากหลายด้าน ซึ่งไม่สามารถฝากทั้งหมดไว้กับภาคเอกชนหรือผู้ใจบุญเพียงไม่กี่คนได้