‘Robocop’ เป็นภาพยนตร์แอ็กชัน เรต R ที่ประสบความสำเร็จมากในปี 1987 นับเป็นอีกผลงานขึ้นหิ้งของ พอล เวอร์โฮเวน (Paul Verhoeven) หนึ่งในผู้กำกับที่ฮอตสุดในต้นยุค 90’s หนังเล่าเรื่องเหตุการณ์ในโลกอนาคตอันใกล้ อเล็กซ์ เมอร์ฟี (ปีเตอร์ เวลเลอร์ – Peter Weller) ตำรวจน้ำดีในเมืองดีทรอยต์ที่บาดเจ็บสาหัสระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ทางกรมตำรวจจึงใช้ร่างเขาในโปรเจกต์นำร่อง คืนชีพเขากลับมาในร่าง Robocop ตำรวจหุ่นยนต์ที่มีร่างกายเป็นหุ่นยนต์แต่ยังคงมีชีวิตจิตใจของเมอร์ฟีอยู่ครบถ้วน

Robocop 1987

หนังภาคแรกประสบความสำเร็จดี ส่งให้เวอร์โฮเวนกลายเป็นผู้กำกับแถวหน้าของฮอลลีวูดทันที ‘Robocop’ มีภาค 2 ตามมาในปี 1990 โดยที่ พอล เวอร์โฮเวน ไม่กลับมากำกับ หนังทำรายได้น้อยกว่าภาคแรก และภาค 3 ตามมาในปี 1993 เป็นภาคที่เจ๊งเละเทะ ถือเป็นการปิดตำนาน Robocop ไว้เพียงเท่านี้ ก่อนจะมีเวอร์ชันซีรีส์ออกมาในปี 1994 และ 2001 แต่ทั้งสองซีรีส์ก็ไม่ประสบความสำเร็จ หยุดอยู่แค่ซีซันแรก

Robocop 2014

‘Robocop’ กลับมาอีกครั้งในปี 2014 ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น ชุดดูปราดเปรียวขึ้น ได้ โฮเซ พาดิลา (José Padilha) ผู้กำกับสายแอ็กชันชาวบราซิลมารับหน้าที่ หนังทำรายได้ไม่ขี้เหร่นัก ที่ 242 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ ทำให้หนังถูกพิจารณาให้มีภาคต่อ นีล บลอมแคมป์ (Neill Blomkamp) เข้ามารับช่วงต่อ เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะเคยมีผลงานแอ็กชันไซไฟมาแล้วอย่าง ‘District 9’ และ ‘Elysium’ แผนการของบลอมแคมป์คือเลือกหยิบไอเดียภาคต่อจากหนังต้นฉบับปี 1987 ที่เขียนไว้โดย เอ็ดนูเมียร์ และ ไมเคิล ไมเนอร์ แต่ไม่เคยถูกสร้างมาก่อน ตั้งชื่อภาคไว้แล้วด้วยว่า ‘Robocop Returns’แต่ไอเดียนี้ของบลอมแคมป์ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหาร MGM สตูดิโอเจ้าของหนัง

ผู้กำกับ นีล บลอมแคมป์

ล่าสุด บลอมแคมป์มีผลงานกำกับ ‘Gran Turismo’ หนังที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกมชื่อดัง ในช่วงที่เดินสายโปรโมตผลงานล่าสุดนี้ บลอมแคมป์ก็ได้เอ่ยถึงโปรเจกต์ Robocop Returns’หนังภาคต่อที่ไม่เคยได้ถูกสร้าง เขาได้อธิบายว่าเขาตั้งใจสานต่อเหตุการณ์ในภาคนี้โดยตรงจากหนังภาคแรกปี 1987 และต้องการคงสไตล์ดั้งเดิมของหนังต้นฉบับไว้ให้มากที่สุด

“นั่นเป็นหนังเรื่องเดียวเลยนะ ที่ผมเคยลองพยายามเลียนแบบสไตล์งานกำกับของ พอล เวอร์โฮเวน ผมอยากเล่าเรื่องต่อจากภาคแรกในวันต่อมา แบบว่า ดิค โจนส์ (ตัวร้ายจากภาคแรก) โดนโยนออกจากหน้าต่างเมื่อวันจันทร์ แล้วหนังของผมก็จะเริ่มเรื่องในวันอังคาร แบบว่าเล่าเรื่องราวต่อเนื่องในเช้าวันรุ่งขึ้นแบบนั้นเลย คือหนังของผมจะเป็นภาคต่อโดยตรงจากภาคแรกในสไตล์เดียวกัน”

Chappie

แม้ว่าในที่สุด บลอมแคมป์จะไม่เคยได้สร้างภาคต่อของ ‘Robocop’ต่อจากภาคแรกของเวอร์โฮเวนในปี 1987 อย่างที่เขาตั้งใจไว้ แต่ก็อาจพูดได้ว่า อย่างน้อยบลอมแคมป์ก็เคยมีหนังในสไตล์ใกล้เคียงกับ Robocop ในรูปแบบของเขาเองเมื่อปี 2015 ในเรื่อง ‘Chappie’ เพราะหนังมีตัวเอกของเรื่องเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเหมือนกัน ต่างตรงที่ Chappie มีสติสัมปชัญญะที่สร้างขึ้นมาด้วย AI แชปปี้พยายามผูกมิตรกับอันธพาลพังก์สิ้นหวัง 2 คน ในโลกอนาคตอันใกล้ของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก และแชปปี้ก็เป็นหุ่นยนต์จริง ๆ ต่างจาก อเล็กซ์ เมอร์ฟี ที่เป็นไซบอร์ก แต่ทั้งคู่ก็มีจุดที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือมีจิตสำนึกที่ถูกกักอยู่ในร่างจักรกล และอีกจุดที่คล้ายคลึงกันนั่นก็คือ ทั้ง ‘Robocop’และ ‘Chappie’ ต่างก็อิงจมาจากหนังไซไฟหลายเรื่องในยุค 80’s โดยเฉพาะเรื่อง ‘Short Circuit’ เมื่อปี 1986 น่าเสียดายที่ ‘Chappie’ ไม่เป็นที่ถูกใจจากนักวิจารณ์นัก หนังได้คะแนนบน Rotten Toamtoes ไปเพียง 32% เท่านั้น

สำหรับแฟน ๆ ที่ชื่นชอบหนัง ‘Robocop’ต้องบอกว่า ‘เสียใจด้วย’ เพราะขณะนี้แทบไม่มีความหวังที่จะได้เห็นภาคต่อ หรือภาครีบูตใด ๆ เลย เพราะขณะนี้ลิขสิทธิ์ในการสร้างตกไปอยู่ในมือของ Amazon แล้ว หลังการเข้าซื้อแคตตาล็อกหนังทั้งหมดของ MGM เมื่อปี 2022 และยังไม่มีการเอ่ยถึงโปรเจกต์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Robocop ในเร็ววันนี้

ที่มา : screenrant