[รีวิว] Queenpins : อาชญากรรมเบาสมอง
Our score
6.8

Release Date

03/02/2022

Rate : R

1h 50m

irectors Aron GaudetGita Pullapilly

Writers Aron GaudetGita Pullapilly

Stars Kristen BellKirby Howell-BaptistePaul Walter Hauser

[รีวิว] Queenpins : อาชญากรรมเบาสมอง
Our score
6.8

[รีวิว] Queenpins : อาชญากรรมเบาสมอง

จุดเด่น

  1. เลือกนักแสดงได้ดี เข้ากับบท
  2. เป็นความบันเทิงที่ได้ความรู้ เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ

จุดสังเกต

  1. เป็นหนังคอมเมดี้ แต่ไม่มีมุกเรียกเสียงฮาได้ดัง ๆ
  2. 1 ชั่วโมง 50 นาที ยาวไปหน่อยกับหนังคอมเมดี้สักเรื่อง
  • ตรรกะ ความสมเหตุสมผลของบท

    6.5

  • คุณภาพนักแสดง

    6.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • ความบันเทิงตามแนวหนัง

    7.0

  • คุ้มค่าตั๋ว และเวลาในการรับชม

    6.5

หนังฟอร์มเล็กที่เข้าฉายในโปรแกรม SF Exclusive แบบเงียบ ๆ และอาจจะเล็ดรอดสายตาคอหนังหลายคนไป ในช่วงที่โปรแกรมหนังกลับมาคึกคักและผู้ชมมีตัวเลือกเยอะมากกกก และ Queenpins ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจถ้าคิดอยากจะแก้เครียด เพราะเป็นหนังคอมเมดี้อารมณ์ดี ดูไปยิ้มไปไม่ต้องใช้สมองขบคิดอะไรมากมาย

Cristen Bell ในบท คอนนี่

Queenpins เป็นที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงจากคดีดังเมื่อปี 2012 กับเรื่องราวที่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่า คูปองลดแลกแจกแถม จากซูเปอร์สโตร์ และ บรรดาผู้ผลิตสินค้า ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ จะกลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้หลักร้อยล้านเหรียญ หนังเล่าเรื่องราวของแม่บ้าน 2 สาว คอนนี่ รับบทโดย คริสเท็น เบล (Cristen Bell) และ โจโจ้ รับบทโดย เคอร์บี้ โฮเวลล์-แบปทิสต์ (Kirby Howell-Baptiste) ที่เป็นแม่บ้านอาชีพแบบจริงจัง คือวัน ๆ เอาแต่หมกมุ่นกับคูปองลดแลกแจกแถมที่แนบกับสินค้า หรือมากับนิตยสารบ้าง หนังสือพิมพ์บ้าง คอนนี่เก็บหมดมานั่งกดเครื่องคิดเลขคำนวณ และมีความสุขอย่างล้นเหลือเมื่อเธอสามารถใช้คูปองจำนวนมากไปแลกสินค้าได้ เหมือนกับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเธอ

Cristen Bell และ Kirby Howell-Baptiste

วันหนึ่งคอนนี่เขียนจดหมายไปต่อว่าผู้ผลิตสินค้า แล้วทางผู้ผลิตก็ส่งคูปองสมนาคุณกลับมาให้เธอ สามารถนำไปแลกสินค้าชิ้นใหม่ได้ฟรี ทำให้คอนนี่เกิดไอเดียต่อยอดไปเป็นธุรกิจ เมื่อเธอเล็งเห็นว่าคูปองเหล่านี้มีมูลค่า ถ้านำคูปองแลกสินค้าฟรีไปขายในราคา 50% น่าจะมีผู้คนสนใจจำนวนมาก แล้วเธอจะหาคูปองเหล่านี้ได้จากไหนล่ะ จนกระทั่งคอนนี่สืบพบว่าคูปองเหล่านี้ถูกผลิตในเม็กซิโก ซึ่งไม่ไกลจากเมืองฟินิกซ์ รัฐอริโซนามากนัก คอนนี่เลยชวนโจโจ้แม่บ้านเพื่อนซี้ไปเยี่ยมชมโรงงานผู้ผลิต และทาบทามพนักงานในโรงพิมพ์ให้ลักลอบส่งคูปองเหล่านี้ให้เธอ แล้วสองสาวก็เอาไปขายออนไลน์ในราคาถูก แต่กลับสร้างรายได้ให้เธอหลายสิบล้านเหรียญ

3 อาชญากรหญิงตัวจริง ที่มาของเรื่อง

ถ้าดูตามพล็อตเรื่อง นี่ก็คือเรื่องราวของอาชญากรรมโดยแท้และมีมูลค่ามหาศาลอีกด้วย แต่ว่ามันกระทำการโดยแม่บ้านคู่ซี้ และสินค้าก็คูปองที่ดูเหมือนไร้ค่า ทางผู้สร้างก็เลยเลือกทิศทางที่จะเล่าเรื่องราวของ Queenpins ออกมาในแนวเบาสมอง แล้วเลือกให้ คริสเท็น เบล (Veronica Mars, Frozen) นักแสดงที่มาทางสายคอมเมดี้อยู่แล้วมารับบทนำ ยิ่งดูเข้ากับบทคอนนี่อย่างมาก หนังใช้เวลาช่วงต้นพอควรไปกับการแนะนำให้เรารู้จักโลกของคูปองว่ามีค่าในสายตาแม่บ้านอเมริกันขนาดไหน จนนาทีที่หนังแนะนำตัวละคร เคน มิลเลอร์ รับบทโดย พอล วอลเทอร์ เฮาเซอร์ (Paul Walter Hauser) เจ้าหน้าที่จาก พร็อกเตอร์-แกมเบิล ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามของ 2 สาวขึ้นมา ก็เริ่มทำให้โทนหนังดูระทึกขึ้นเล็กน้อย เมื่อมิลเลอร์เริ่มรู้ถึงเบาะแสธุรกิจค้าคูปองเถื่อนของสองสาว หนังก็เลยออกมาในรูปแบบของเกมแมวจับหนู ได้เห็นความสนุกสนานบันเทิงของสองสาวที่ประสบความสำเร็จได้ใช้เงินอย่างสนุกสนาน ส่วนมิลเลอร์ก็ตามไม่ได้ไล่ไม่ทันเสียที

Vince Vaugn และ Paul Walter Hauser

โทนหนังดูจริงจังมากขึ้น เมื่อเริ่มแนะนำอีกตัวละครสำคัญ ไซมอน คิลเมอรรี่ รับบทโดย วินซ์ วอห์น (Vince Vaughn)ที่รอบนี้มาแปลก ๆ โชว์หน้าโชว์ตาบนโปสเตอร์ แต่ชื่อไปอยู่ลำดับท้าย ๆ เลยในรายชื่อนักแสดง การปรากฏตัวของคิลเมอรี่ ทำให้เราได้ความรู้ใหม่ว่า ที่สหรัฐฯ มีตำแหน่งแปลก ๆ แบบนี้ด้วย นั่นก็คือ ตำรวจกิจการไปรษณีย์ เป็นตำรวจที่ตามสืบอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับไปรษณีย์ ซึ่งธุรกิจค้าคูปองนั้น สองสาวจัดส่งคูปองให้ลูกค้าทั้งหมดผ่านไปรษณีย์ คดีนี้เลยอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจไปรษณีย์ วอห์นมาในมาดขรึมจริงจัง ทำงานแบบไร้รอยยิ้ม พอมาประกบคู่กับมิลเลอร์ หนังก็เลยมีอารมณ์แบบตำรวจคู่หูแทรกเข้ามาด้วย เป็นคู่หูที่ดูคอนทราสต์กันมาก แต่ก็เป็นการเพิ่มสีสันให้หนังได้เป็นอย่างดี

ก็เรียกได้ว่า Queenpins เป็นหนังที่หลากรสชาติ บนความเป็นคอมเมดี้ ที่ไม่มีมุกไหนแรงพอที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ๆ แต่ก็พอทำให้ยิ้มให้ได้ตลอดเรื่อง แถมสอดแทรกด้วยเนื้อหาในเชิงสืบสวนจากตำรวจคู่หูต่างบุคลิก ปิดท้ายด้วยการจิกกัดระบบทุนนิยมของสหรัฐฯ แบบเบา ๆ เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ได้ทั้งความบันเทิงและได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ครับ