[รีวิว] The Extraordinary Journey of the Fakir – หนังน่ารัก..ดูแล้วอยากเที่ยว
Our score
7.8

The Extraordinary Journey of the Fakir

จุดเด่น

  1. หนังเบาสมองเหมาะแก่การคลายเครียด
  2. การแสดงของ ดานุช มีเสน่ห์มากทั้งทางดราม่าและคอเมดี้
  3. ดูแล้วอยากเดินทางไปตามหาตัวตนบ้าง
  4. อีิริน มอริอาร์ตี้ น่ารักมาก ยิ้มทีมีละลาย

จุดสังเกต

  1. ต้องทำใจไว้เลยว่าหนังจะไร้เหตุผลแน่ๆ
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.0

  • ความสมบูรณ์ของงานสร้าง

    9.0

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ความสนุก

    8.0

  • ึความคุ้มค่า

    8.0

ด้วยหวังทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่ อาจา (ดานุช) นำเถ้ากระดูกออกจากมุมไบสู่นครปารีสประเทศฝรั่งเศสหวังได้พบพ่อแท้ๆของตนสักครั้ง แต่แล้วชะตากรรมก็พาให้เขาระหกระเหินไปในตู้สินค้าของอีเกียสู่อังกฤษ ก่อนจะเร่ร่อนผจญภัยไปยังสเปน,อิตาลีและลิเบีย จนอาจาต้องหาทางกลับมายังปารีสเพื่อสานต่อภารกิจและเพื่อหวังได้พบ มารี (อีริน มอริอาร์ตี้) รักแรกพบของเขา 

Play video

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

The Extraordinary Journey of the Fakir สร้างจากหนังสือขายดีของ โรแม็ง ปูแอร์ตูลาส ซึ่งมาร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย ซึ่งโดยพลอตแล้วถือว่าไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากนัก เรื่องเล่าประเภทชายคนหนึ่งออกเดินทางแล้วค้นพบตนเองมีให้เห็นอยู่ดาษดื่น แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าความยากของมันคือการทำยังไงไม่ให้หนังกลายเป็น สารคดี หรือ รายการท่องเที่ยวที่เน้นแต่ขายวิวทิวทัศน์ ซึ่งสำหรับหนังเรื่องนี้ถือว่ามัน “เอาอยู่” เลยทีเดียว โดยเหตุผลหลักที่ทำให้เราอยากติดตามชีวิตของหนุ่ม อาจา คงหนีไม่พ้นการใช้อารมณ์ขันและเสน่ห์ของนักแสดงนำมาเป็นตัวช่วยในการเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

โดยหนังสามารถดึงความสนใจคนดูให้อยู่กับหนังได้ตลอดด้วยอารมณ์ขันในการเล่าเรื่อง ตั้งแต่เปิดเรื่องที่หนังเล่าชีวิตของ อาจา ในวัยเด็กก็ทำให้เห็นความไร้เดียงสาของเด็กชาย อาจา ที่เฝ้าถามแม่ว่าใครคือพ่อของเขาถึงขนาดเจอหน้าใครก็ถามว่านั่นคือพ่อของผมรึเปล่า ฮ่าาาาา  รวมไปถึงฉากน่ารักๆแต่แอบทำคนดูน้ำตารื้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อหนุ่มน้อยอาจาได้เรียนรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงคนจนๆ แต่แม่ก็บอกเขาว่า “เราไม่จนหรอก เพราะเรามีกันและกัน” จนเด็กชายอาจาเริ่มเรียนรู้ที่จะหาเงินจากการเปิดปาหี่หลอกนักท่องเที่ยวเลี้ยงปากท้องตัวเองและแม่ จนโตเป็นหนุ่ม ซึ่งในช่วงแรกถือว่าหนังนำเสนอด้านมืดของอินเดียออกมาได้อย่างเจ็บแสบก่อนจะฮุคคนดูด้วยการจากไปของแม่อาจา และชะตากรรมอันโหดร้ายของอาจาที่ถูกมาเฟียริบเงินที่เขาขโมยมาจนเหลือเพียง พาสปอร์ตและแบงค์ 100 ยูโรปลอม และเรื่องราวต่อจากนั้นก็คือการผจญภัยของอาจาที่อยู่เหนือตรรกะและความเป็นไปได้ทั้งปวงแต่กลับสอนบทเรียนอาจาและทำให้คนดูค้นพบความหมายชีิวิตร่วมไปกับอาจา

ในขณะที่หนังประเคนฉาก “ขายขำ” ทั้งตำรวจร้องเพลงเป็นมิวสิคััลหรือการพยายามดิ้นรนมีชีวิตรอดของอาจา  เรากลับได้เห็นแมสเสจหรือสารที่หนังพยายามจะสื่อทั้งเรื่องกรรมและสัจธรรมชีวิตผ่านชะตากรรมของอาจา ทั้งตกต่ำขนาดมีเพียงแบงค์ปลอมเดินทางสู่ปารีส ถูกเนรเทศไปอยู่ค่ายผู้อพยพในสเปน ต่อกรกับเจ้าพ่อที่อิตาลี หรือแม้แต่ต้องยอมให้โจรสลัดปล้นเงินจากตัวเองไปหมดตัว ซึงทีละน้อย เมื่อเราได้เห็นชะตากรรมประเภทเดี่ยวได้เดี๋ยวเสียของอาจา คนดูเองก็พลอยได้ข้อคิดไปด้วยว่าแท้จริงแล้วโลกนี้มีอะไรเป็นของเราจริงๆบ้าง และเริ่มอยากจะออกเดินทางไปค้นหาคุณค่าของชีวิตเมื่อดูหนังจบเลยทีเดียว

ด้านนักแสดงก็ไม่น่าเชื่อเลยว่า ดานุช ผู้รับบทอาจาจะสามารถแบกหนังได้อย่างน่าชื่นชมทั้งเรื่อง เขาสามารถทำให้เราเห็นความมุ่งมั่นของผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่เริ่มภารกิจจากการวาดฝันว่าจะได้นำเถ้ากระดูกแม่มาพบพ่อแท้ๆไกลถึงปารีส และยังหว่านสเน่ห์ อ้อร้อกับ มารี ได้อย่างน่ารักน่าชัง  ซึ่ง มารี เองก็เป็นตัวละครที่หนังให้ความสำคัญถึงขนาดเล่าเรื่องของเธอคู่ขนานกับการผจญภัยของอาจาเลยทีเดียว ซึ่งการได้ อีริน มอริอาร์ตี้ จากซีรีส์ Jessica Jones ซีซันแรกก็ทำให้ตัวละคร มารี มีความลึกลับซับซ้อนทางอารมณ์ควบคู่ไปกับยิ้มชวนใจละลายของเธอได้เป็นอย่างดีเลย

เอาเป็นว่าใครอยากเห็นทิวทัศน์สวยๆเมืองแปลกๆหนังอาจไม่ได้เน้นในจุดนี้นัก แต่ถ้าต้องการหาหนังเบาสมองมีซีนโรแมนติกบ้างประปราย แถมด้วยเรื่องราวการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองสไตล์ Eat Prey Love ก็เชียร์ให้ดูหนังเรื่องนี้เลยครับ

ตีตั๋วพบการเดินทางสุดมหัศจรรย์…คลิกเลย