หลังรูดม่านเปิดการแสดงเวิลด์ทัวร์ ‘If Y’All Weren’t Here, I’d Be Crying World Tour’ มาหลายโชว์ คราวนี้ Post Malone (โพสต์ มาโลน) ได้ฤกษ์เปิดเอเชียทัวร์ของเขา โดยประเทศไทยถือเป็นหมุดหมายแรกของทวีป ที่พี่หมีบินตรงมาเปิดการแสดง และนี่ถือเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยของเขาอีกด้วย

เวลาประมาณ 21.00 น. วงเครื่องสายควอเต็ตขึ้นบรรเลงอินโทร ก่อนที่ Post Malone จะปรากฏตัวในเสื้อกล้ามเบียร์สิงห์ พร้อมกับเพลงจังหวะเร้า ๆ อย่าง “Better Now” และ “Wow.” ก่อนจะกล่าวทักทายแฟน ๆ ชาวไทยครั้งแรกแบบได้ใจว่า

“นี่คือโชว์ที่ประเทศไทยครั้งแรกของผม ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนกันมาตลอด และทำให้ผมได้มาเล่นที่นี่ คนโคตรรักพวกคุณเลย”


หลังคุยกับแฟน ๆ เสร็จ พี่หมีก็กระดกเบียร์แก้วสีแดง ก่อนจะต่อเนื่องความสนุกด้วยเพลงอย่าง “Zack and Codeine”, “Psycho”, “Goodbyes”, “Hollywood Dreams” และเพลงใหม่จากอัลบั้มชุดที่ 5 อย่าง “Mourning”

แม้ดนตรีของ Post Malone จะอยู่ในพื้นฐานของป๊อป แต่ก็มีกลิ่นอายของดนตรีที่หลากหลายทั้งฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ร็อก แทร็ป หรืออิเล็กทรอนิกส์ โดยคอนเสิร์ตในครั้งนี้ Post Malone ได้โชว์ความหลากหลายเหล่านั้นผ่านบทเพลงอย่าง “I Like You (A Happier Song)” เพลงป๊อปร็อกน่ารัก ๆ ที่ถูกแทรกไว้ตรงกลางของโชว์ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์แฟน ๆ เช่นเดียวกับ “Take What You Want” หรือ “rockstar” ที่มีความเป็นร็อกและอิเล็กทรอนิกส์หนัก ๆ “Over Now” ก็มีความหน่วง ๆ แบบฮิปฮอป อาร์แอนด์บี รวมไปถึง “Feeling Whitney” ก็มีความเป็นโฟล์กสบาย ๆ ซึ่งเพลงนี้พี่หมีแกก็โชว์ท่ายาก หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ก่อนจะคีบบุหรี่ไว้มือขวาและเกลากีตาร์ไปพร้อม ๆ กัน



Post Malone ถือเป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อเรื่องความถ่อมตน และน่ารักกับแฟน ๆ เสมอ ตลอดโชว์เราได้เห็นเขาโค้งตัวขอบคุณแฟน ๆ ตลอดโชว์ และในเพลง “Stay” เขาก็ได้ให้แฟนเพลงคนหนึ่งขึ้นไปร้องเพลงนี้แทนเขาด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์น่ารักของโชว์นี้

ช่วงท้าย Post Malone จัดหนักความสนุก กระหน่ำใส่แฟนเพลงต่อเนื่องทั้งเพลงโฟล์กร็อกเท่ ๆ อย่าง “Overdrive”, “I Fall Apart”, “Wrapped Around Your Finger”, “Circles”, “Candy Paint”, “Too Young”, “White Iverson” ก่อนกล่าวขอบคุณแฟน ๆ อีกครั้ง และลงจากเวทีไปด้วยเพลง “Congratulations”

พี่หมีกลับขึ้นเวทีอีกครั้งกับ Encore สองเพลงดังอย่าง “Sunflower” และ “Chemical” เป็นอันปิดโชว์ครั้งแรกของตัวเองที่ประเทศไทยอย่างสมบูรณ์

ภาพรวมโชว์ของพี่หมีสนุกมากแบบเกินคาดจริง ๆ มีความครบรส ทั้งเรื่องการเอนเตอร์เทน และดนตรีที่จัดเต็มทุกเครื่อง เพิ่มอารมณ์และยกระดับความสนุกให้กับแฟน ๆ ได้อย่างมาก โดยเฉพาะการเล่นของสองนักดนตรีเอกของวงอย่าง ลีฟ สลิงเกอร์แลนด์ (Liv Slingerland – กีตาร์) และ จาโคโป โวลเป (Jacopo Volpe – กลอง) ที่โชว์โซโล่กีตาร์และกลองได้เดือดชนิดไฟแลบทั้งอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์

หากให้เปรียบโชว์นี้ของ Post Malone ก็คงไม่ต่างกับการได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่อย่างใดอย่างนั้น เพราะพี่หมีแสดงให้เห็นถึงท่วงทำนองที่หนักแน่น ทรงพลัง และแฝงไปด้วยความสวยงาม ชวนน่าหลงใหล ทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้โชว์ออกมาไม่น่าเบื่อแม่แต่วินาทีเดียว

มีหลายคนบ่นเรื่องผังงานกันมาเยอะ ในมุมผมผังงานรอบนี้ค่อนข้างมีปัญหาจริง ซึ่งปัญหาหลักอยู่ที่สถานที่จัดงานที่อาจไม่เหมาะกับโชว์และไม่สามารถรองรับคนหลักสองหมื่นได้ดีพอ ปัญหาหลักน่าจะอยู่ที่ด้านกว้างของสถานที่แคบไปหน่อย คือแน่นอนศิลปินระดับนี้ สเกลงานแบบนี้ จะมี ‘สเปก’ ที่ทีมโชว์ของศิลปินวางไว้เป็นไบเบิลอยู่แล้ว แถมระหว่างเตรียมงานทีมไรเดอร์ของศิลปินต้องบินมาเช็กสถานที่เองอยู่แล้ว ด้วยความที่ ‘สเปก’ ของศิลปินก็มาแบบนี้ แล้วสถานที่จัดงานก็มีขนาดอย่างที่เห็น ทุกอย่างมันจึงถูกยัดเหมารวมกันเหมือนข้าวหลาม

ด้วยหน้ากว้างที่แคบทำให้ที่นั่งของคนดูต้องถูกวางเป็นแนวลึกไป ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ คนดูจะมองเห็นเวทีไกลกว่าเดิม แล้วงานนี้จอก็แคบและมีแค่สองจอ ทำให้คนดูโซนด้านหลังมองไม่เห็นเวที ซึ่งวิธีแก้คือตั้งจอไว้ตรงโซนกลาง หรือการแก้ความสูงเวทีให้คนดูโซนท้ายมองเห็น แต่สองสิ่งนี้ก็อาจจะทำไม่ได้เพราะพื้นที่ของสถานที่มีจำกัด ส่วนเรื่องการแก้ความสูงเวทีทีมวางแผนโชว์ของฝั่งศิลปินเขาก็มีไซซ์ ที่เขาต้องใช้ทัวร์ทั่วโลกก็อาจจะแก้เรื่องนี้ยากนิดนึง ซึ่งเชื่อว่าที่ผังออกมาแบบนี้ ก็เป็นความเห็นพ้องต้องกันของทีมผู้จัดกับฝั่งจัดการของศิลปิน งานนี้คนดูเลยต้องรับเคราะห์กันไป

เชื่อว่านี่จะเป็น case study ให้กับทีมผู้จัดในการหาสถานที่ในการแสดงครับ แต่ก็อาจจะต้องเห็นใจนิดหนึ่ง เพราะคอนเสิร์ต ฮอลล์ในไทยที่ได้มาตรฐานสากลมีน้อยแบบนับนิ้วได้ ถ้าไม่ใช่ที่ทุ่งเมืองทองก็แทบไม่รู้จะจัดที่ไหนแล้ว (เรื่องนี้ต้องไปผลักดันภาครัฐและเอกชนให้เพิ่มขึ้น) ถ้าจัดเอาต์ดอร์ที่รองรับคนได้มาก ๆ เหมือนเฟสติวัลต่างประเทศ แถมในหน้าฝนด้วย คนดูก็อาจจะก่นด่ามากกว่าเดิม ส่วนเรื่องสวิตเชอร์คาดว่าจะเป็นทีมของฝั่งศิลปิน งานแบบนี้ทีมไทยจะมีส่วนเกี่ยวข้องน้อย เรื่องที่พลาดซีนสำคัญ ๆ น่าจะเป็นปัญหาจากตากล้องที่ตามที่โพสต์ตี้ไม่ทัน บวกกับสวิตเชอร์ก็ดึงภาพขึ้นมาช้าไป งานนี้ภาพที่ออกมาจึงเป็นแบบนี้

ทิ้งท้ายตามความคิดเห็นส่วนตัว และจากประสบการณ์ครับ สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากการดูโชว์ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก จะโอเปรา คอนเสิร์ตร็อก ยันแจ๊ส สิ่งสำคัญของทุกโชว์คือ เสียงมาเป็นที่หนึ่ง คนดูจะโซนถูกหรือแพง ต้องได้รับเสียงที่ดีเท่า ๆ กันหมด และสิ่งที่ตามมาคือคนดูต้องได้เห็นเวที ทัศนียภาพในการรับชมต้องดี แม้เรื่องนี้จะถูกแบ่งแยกด้วยราคาบัตรอยู่แล้ว บัตรแพงได้เห็นใกล้ บัตรถูกอยู่ไกล ถือเป็นสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นผมมองว่าเป็นเรื่อง ‘ติเพื่อก่อ’ ครับ ฟีดแบ็กทั้งหมดเชื่อว่าทีมผู้จัดจะนำไปปรับแก้ไขสำหรับโชว์ในครั้งหน้า

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส