ในยุคที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว โซเชียลมีเดียได้กลายเป็นโลกอีกใบที่หลายคนขาดไม่ได้ กิจวัตรประจำวันของเรามักเริ่มต้นด้วยการไถฟีดเพื่ออัปเดตข่าวสารและตามเทรนด์ให้ทันโลก แต่เคยลองถามใจตัวเองดูไหมว่า ตัวเราเองเป็นคนแบบไหน ระหว่างการวิ่งไล่ตามทุกกระแสเพราะ “กลัวพลาด” กับการเลือกจดจ่ออยู่กับความสุขตรงหน้า ?

บทความนี้ BT จะพาไปสำรวจและทำความรู้จักกับ FOMO และ JOMO พร้อมชวนคุณมาเช็กลิสต์กันว่าอยู่ทีมไหน

รู้จัก FOMO อาการกลัวตกขบวน ที่มีโซเชียลเป็นตัวเร่ง

FOMO มาจากคำว่า Fear of Missing Out คือ ความกลัวที่จะพลาดข่าวสาร หรือกลัวที่จะตกเทรนด์ตามกระแสไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในโซเชียล จนทำให้รู้สึกไม่สบายใจว่าตัวเองกำลังพลาดอะไรบางอย่างไปอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราได้ยินได้เห็นคำนี้มาหลายปีจากการเกิดกระแสของโซเชียลมีเดีย

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นชาว FOMO

  • ชีวิตนี้ขาดสมาร์ตโฟนไม่ได้ ต้องคอยเช็กโซเชียลมีเดียอยู่ตลอดเวลา
  • ได้ยินเสียงแจ้งเตือนปุ๊บ อดใจไม่ไหวต้องรีบเข้าไปดูทันที
  • กลัวการตกเทรนด์ เรื่องฮิต ข่าวร้อนตามกระแส
  • สายแชร์ สายโพสต์ อัปเดตเรื่องตัวเองอยู่ตลอดเวลา
  • ตามเทรนด์แบบไม่ลังเล เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองตามกระแสสังคม
  • กลัวที่จะไม่เข้ากับกับเพื่อนในกลุ่ม หรือคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง
    ซึ่งพฤติกรรมแบบ FOMO อาจทำให้เราได้จุดประกายไอเดียใหม่ ๆ จากกระแสสังคมที่เกิดขึ้น ได้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนอื่นในโซเชียล หรือรับรู้ข่าวสารบ้านเมืองได้ไว ทันทุกเหตุการณ์

แต่อีกด้าน FOMO ก็ส่งผลกระทบต่อตัวเรา โดยเฉพาะความเครียดและวิตกกังกล ทำให้นอนหลับไม่เต็มที่ เพราะกลัวว่าจะพลาดประเด็นสำคัญไป ยิ่งเราหมกมุ่นกับโซเชียลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง อีกทั้งยังอาจทำให้เราใช้จ่ายเกินตัวไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น ไปกับคำว่า “ของมันต้องมี”

JOMO ความสุขจากการเลือกที่จะพลาด

JOMO ย่อมาจาก Joy of Missing Out คือขั้วตรงข้ามที่เกิดขึ้นจากการตระหนักรู้และเลือกที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน โดยไม่เอนเอียงไปตามกระแสสังคม และหันมาใส่ใจกับความต้องการของตัวเองจริง ๆ อย่าง การอ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือได้อยู่กับตัวเองเงียบ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นชาว JOMO

  • ไม่รู้สึกผิดที่จะตกเทรนด์
  • ไม่หมกมุ่นอยู่กับโซเชียลมีเดียมากจนเกินไป
  • สบายใจกับการสนทนากับผู้คนจริง ๆ มากกว่าผ่านแชต
  • โฟกัสกิจกรรมที่ทำมากกว่าอัปเดตเรื่องราวในโซเชียลมีเดีย
  • ไม่รู้สึกกดดัน หรือเอนเอียงไปตามกระแสสังคม
    หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณอยู่ทีมไหนกันบ้าง ระหว่างทีม FOMO หรือ ทีม JOMO แม้ว่าคุณจะอยู่ทีม FOMO ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร แต่การปล่อยให้ตัวเองได้พัก ไม่วิ่งตามกระแสโซเชียลอยู่ตลอดเวลา และหันมาสนใจกิจกรรมที่อยู่รอบ ๆ ตัวบ้าง ตามวิถีแบบ JOMO ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยล่ะ

วิธีรับมือและก้าวข้าม FOMO

เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ

คงเป็นเรื่องยาก หากคุณเป็นคนที่ชอบโซเชียล หรืออัปเดตเรื่องราวอยู่ตลอดเวลา ลองเริ่มต้นด้วยพฤติกรรมเล็ก ๆ อย่างลองวางโทรศัพท์มือถือให้ไกลตัวสัก 1 ชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อให้มีเวลาว่างและได้ใช้เวลาไปกับตัวเอง

ตั้งใจอยู่กับปัจจุบัน

ลองใช้เวลาละทิ้งจากโลกโซเชียล หันไปอ่านหนังสือสักเล่ม ออกไปทำกิจกรรมเวิร์กชอป หรือดูหนังสักเรื่องจนจบ โดยไม่สนใจเสียงแจ้งเตือนหรือข้อความบนโทรศัพท์

สำรวจความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ

หมั่นสำรวจและเข้าใจอารมณ์ของตัวเองเสมอ หากรู้สึกว่า “กังวล” ว่าจะตกข่าว หรือตามเทรนด์ไม่ทัน ลองทบทวนทำความเข้าใจถึงเหตุผลที่เกิดขึ้นว่า สิ่งที่เรากังวลอยู่นั้น กระทบต่อตัวเราจริง ๆ ไหม หรือเป็นที่ตัวเรากำลังพยายามวิ่งตามให้ทันกระแส

การเดินทางเพื่อก้าวข้าม FOMO อาจต้องใช้เวลา ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมุมมองและพฤติกรรม แต่ถึงอย่างนั้นการเพิกเฉยไม่สนใจอะไรเลย นั่นอาจทำให้พลาดข้อมูลข่าวสารที่สำคัญไป ทางที่ดีที่สุด คือการปรับสมดุลระหว่าง FOMO และ JOMO สามารถเปิด – ปิดสวิตซ์ ตามความสนใจ บาลานซ์ชีวิตอย่างพอดี เลือกเสพสื่ออย่างมีสติจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด