ดีไซน์

จากการสัมผัสดู ก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงดีมาก ซึ่งตัวฝาหลังดูแล้วน่าจะเป็นกระจกกันรอย ส่วน Port ของเครื่องให้มาแค่ USB-C ไม่มี port 3.5 mm แล้ว มาดูกันที่บานพับ เราก็จะเห็น Logo Samsung ชัดเจนดีครับ ถือว่ารอบนี้ออกแบบมาสวยงามเลยทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงกล้องแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมกัน 5 กล้อง ซึ่งจะเป็นกล้องหลัง 3 กล้อง กล้องหน้าจอด้านนอก 1 ตัว และกล้องหน้าจอด้านในอีก 1 ตัวครับ

จอ

เริ่มจากหน้าจอด้านนอกก่อนเลย เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมจะมีขนาดเล็กเพียง 4.6 นิ้ว แต่รุ่นนี้ขยายขึ้นมาเต็มจอขนาด 6.2 นิ้ว ก็เรียกว่าใช้แบบพับได้ โดยไม่รู้สึกว่าจอเล็กจนเกินไปครับ ส่วนจอหลักก็มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ซึ่งรุ่นมาพร้อมหน้าจอขนาด 7.6 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่นก่อน แต่ขนาดเท่ากันเพราะขอบบางกว่าเดิมและกล้องหน้าก็ไม่มีแถบสีดำตรงกล้องด้านในแบบรุ่นก่อนอีกด้วย ก็ดูไม่รกตาดีครับ

รุ่นนี้มาพร้อม 120 Hz แบบ Adaptive mode ที่เหมือน Note 20 ครับ ซึ่งจอจะทำการปรับความถี่หน้าจอตามความเคลื่อนไหวได้ เดี๋ยวผมเปิดเว็บไซต์ beartai.com มาใช้ทดสอบให้ดู เวลาเลื่อนไว ๆ ผมจะเห็นเลยว่า หน้าจอมีความลื่นตามาก แต่จอหน้ายังคงเป็น 60 Hz เหมือนเดิมครับ

การถ่ายภาพ

ซึ่งจุดเด่นของ Samsung Galaxy Z Fold 2 นี้คือ เราสามารถใช้กล้องหลังถ่ายเป็น Selfie ได้โดยทำการ กางมือถือออกมา แค่นี้เราก็มองเห็นตัวเองแล้ว หรือไม่ถ้าเราอยากถ่ายภาพเพื่อน แต่เพื่อนไม่รู้ว่าตอนนี้โพสต์ท่าออกมาเป็นยังไง ตัวจอหน้าก็จะสามารถแสดงผลให้เพื่อนเราเห็นได้ด้วยนะ

Flex Mode

Flex Mode โหมดพิเศษที่เวลาเรากางจอแบบไม่สุด จะทำให้การแสดงผลแตกต่างจากเดิม อย่างแอปกล้อง ก็จะแบ่งเป็นจอบนคือกล้องปกติ ส่วนจอล่างจะแสดงผลภาพที่ถ่ายไปก่อนหน้านี้ หรือเวลาเข้าแอป YouTube จอบนเล่นคลิปไป ส่วนจอล่างก็เป็นรายละเอียดของคลิปที่เราสามารถเลื่อนขึ้นลงได้อิสระเลยครับ

สเปค

ส่วนสเปกของ Z Fold 2 นี้ผมลองเปิดแอป CPU-Z ให้ดูไปพร้อมกัน โดยรุ่นนี้มาพร้อม CPU เบอร์แรงสุดตอนนี้ Qualcomm Snapdragon 865 Plus สังเกตได้จาก CPU ที่ overclock ขึ้นมาเป็น 3.09 GHz ครับ ส่วนหน้าถัดไปจะเห็นได้ว่า Ram รุ่นนี้ให้มา 12 GB และ Rom 256 GB ก็ถือว่าน้อยกว่ารุ่นที่แล้วอยู่พอสมควร โดยรุ่นนี้ไม่รองรับ microSD ครับ และด้านความจุแบตเตอรีอยู่ที่ 4500 mAh ครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส