ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการใช้ Smart Watch ที่ดีไซน์สวย จัดเต็มเทคโนโลยีล่าสุด พร้อมฟีเจอร์ครบ แบตอึด แถมยังสามารถวัดค่าความเครียดได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้อยู่ที่ข้อมือผมแล้วครับ กับ Smart Watch รุ่นล่าสุดของแบรนด์ Mobvoi ในชื่อ TicWatch Pro 3 GPS รุ่นนี้เจ๋งยังไง รู้เลย!

ดีไซน์

สิ่งแรกที่เราเห็นกันชัด ๆ เลยคือ รูปลักษณ์ภายนอกของ TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้ใช้วัสดุเป็นสแตนเลส สตีล หน้าจอเป็น Corning Gorilla Glass 3 ส่วนสายเป็นซีลิโคน โดยรวมแข็งแรงทนทานดีมาก โดยดีไซน์ถูกออกมามีความเรียบหรู ดูดี เหมาะกับการใส่ได้ทุกโอกาส และที่หน้าปัดเราจะเห็นตรงขอบด้านข้างว่ามีตัวเลขบอกนาทีอยู่รอบเรือน อันนี้ก็ดูเจ๋งดีครับ

มาดูกันที่เรื่องของหน้าจอ TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 1.4 นิ้วแบบ Dual Display 2.0 ที่มีโหมดอยู่ 2 โหมดหลัก ๆ ด้วยกันคือ Smart Mode ที่ใช้หน้าจอ Retina AMOLED ในการแสดงผลค่าต่าง ๆ เป็นแบบสีสันสวยงาม ส่วน Essential Mode ก็จะเป็นการใช้หน้าจอ LCD with backlight ออกมาแสดงผล ทำให้เราสามารถใช้งานนาฬิกาได้นานสูงสุดถึง 45 วันเลยล่ะครับ เรียกว่าอึดมาก! แต่ถ้าเราใช้งานโดยทั่วไปก็จะอยู่ที่ 3 วันแบบสบาย ๆ ครับ

ซึ่งตัวหน้าจอนี้เราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้อย่างอิสระ ซึ่งจะมีหน้าจอมากมายให้เลือกผ่านแอป WearOS ที่อยู่บนสมาร์ตโฟนของคุณได้เลย

ส่วนทางขวาเป็นปุ่มสำหรับควบคุม โดยปุ่มบนจะเป็นปุ่มสำหรับเข้า Menu รวมไปถึงปุ่ม Home จะเป็นคำสั่งลัดสำหรับเข้า TicExercise สำหรับใช้วัดค่าในการออกกำลังกายนั่นเอง ส่วนการควบคุมอื่น ๆ ก็ควบคุมผ่านหน้าจอแบบเดียวกับ SmartWatch ที่ใช้ Wear OS by Google อื่น ๆ ครับ

ส่วนด้านใต้ของตัวเครื่องจะเป็นเซนเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจและยังมีเซนเซอร์ตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้อีกด้วย

สเปก

มาดูที่เรื่องของสเปกกันบ้าง TicWatch Pro 3 GPS มาพร้อมกับชิป Snapdragon 4100 ซึ่งถือว่าเป็นตัวแรงที่สุดบน Smartwatch ในฝั่ง Android ครับ โดยแรงกว่ารุ่นที่แล้วหรือ Snapdragon 3100 ถึง 85% ในด้าน CPU และแรงกว่าถึง 150% ในด้าน GPU แถมยังประหยัดไฟกว่าถึง 25% เลยทีเดียว ก็เรียกว่าแรงจนแทบไม่มีอาการหน่วงเวลาปัดซ้ายปัดขวาให้เห็นแล้วล่ะครับ

โดย TicWatch Pro 3 GPS ยังมาพร้อมกับ Ram ขนาด 1 GB และ Rom ขนาด 8 GB ด้วยกัน ทำให้สามารถลงแอปต่าง ๆ เพิ่มเติมได้อีกพอสมควรเลยล่ะครับ โดยมาพร้อมกับแบตเตอรีขนาด 595 mAh ใช้งานได้นานสูงสุด 45 วันตามที่บอกไปก่อนหน้านี้ครับ และตัวเครื่องยังมาพร้อมกับการกันน้ำระดับ IP68 จึงสามารถใส่ลงว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียหายครับ

TicWatch Pro 3 GPS ยังมีระบบการวัด Barometer หรือความสูงระดับน้ำทะเลได้ รวมไปถึงระบบ GPS ที่มีความแม่นยำสูงตามชื่อรุ่น และ ยังมีระบบ Proactive motion Tracking สำหรับวัดค่าการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำอีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องแบบสุด ๆ ไปเลย

หลังจากที่เราทำการติดตั้งนาฬิกาเข้ากับมือถือของเราผ่าน Wear OS ของ Google และแอป Mobvoi แล้ว ตัวนาฬิกาก็จะทำการ Sync ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่บนมือถือ โดยเฉพาะ Notification เอามาไว้บนข้อมือของเรา ก็ให้เราปาดขึ้น จากนั้นเราก็จะเห็นข้อความต่าง ๆ ทั้ง Email, Message, Line, Facebook เด้งขึ้นมาให้อ่าน ยกตัวอย่างเช่น พอเรากดเข้าไปที่อีเมลนั้น เราก็จะเห็นรายละเอียดของอีเมลเพิ่มเติม เราก็เลือกได้ว่าจะเก็บเอาไว้ ลบ ตอบกลับ หรือเปิดบนสมาร์ตโฟนก็ทำได้เลย สะดวกดี

ส่วนการปัดซ้ายออกมาก็จะเป็นหน้า Card ต่าง ๆ ที่เราตั้งค่าเอาไว้เช่น พยากรณ์อากาศ หน้า Google Fit หรือหน้าอื่น ๆ เราก็ตั้งค่าเพิ่มเข้ามาได้ด้วยตัวเองครับ

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

TicWatch Pro 3 GPS นั้น ได้ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการออกกำลังกายของคุณได้ และเหมาะสมยิ่งกว่าเดิม โดยมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์คนออกกำลังกาย เริ่มตั้งแต่ TicExercise ที่เอาไว้สำหรับวัดค่าการออกกำลังกาย ซึ่งมีปุ่มลัดคือ ปุ่มด้านล่างขวา ก็กดเข้าไปได้เลย โดยปัจจุบันมี 13 โหมดการออกกำลังกายหลัก ๆ ก็เรียกว่าค่อนข้างครบถ้วนครับ ใครชอบออกกำลังกายแบบไหน ในนี้มีหมด ขนาดโยคะยังมีเลย!

และจุดที่ไม่พูดไม่ได้คือเรื่องความสามารถในการเชื่อมต่อหูฟัง True Wireless ได้ผ่าน TicWatch Pro 3 GPS นี้โดยตรง ทำให้เราไม่ต้องพกมือถือออกไปวิ่ง เรียกได้ว่าสะดวกเลยล่ะครับ

จากที่ได้ลองใส่ออกไปวิ่งดู ก็ถือได้ว่าการนับก้าว นับระยะทางทำได้ค่อนข้างแม่นยำเลยครับ แถมยังควบคุมได้ค่อนข้างง่าย หลายโหมดที่พูดมาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทำออกมาเล่น ๆ เพราะใช้งานได้จริงครับ

นอกจากนี้ยังมี TicPulse สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจให้เราตลอด เวลา โดยสามารถตั้งค่าว่า ถ้าเกินหรือต่ำกว่าระดับหนึงก็ให้แจ้งเตือนได้อีกด้วย ของแบบนี้ปลอดภัยไว้ก่อนครับ

ส่วน TicSleep คือการวัดค่าการนอนหลับของแต่ละคน โดยจะมีข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียดเลยล่ะครับ ซึ่ง TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้นอกจากวัดค่าทั่วไปแล้ว ยังสามารถวัดการหายใจและการกรนได้อีกด้วยนะ

และถ้าเราต้องการรู้สุขภาพของเราทุกเรื่องเราก็เข้าไปที่ TicHealth ครับ โดยจะบอกทั้งหมดว่า วันนี้เราเดินไปกี่ก้าว มีการเคลื่อนไหวมากน้อยขนาดไหน และมีการออกกำลังกายไปทั้งหมดกี่นาที รวมไปถึงเวลานอน ก็จะมีกราฟบอกข้อมูลเวลานอนให้คุณวัดค่า เพื่อนำไปปรับปรุงการนอนของคุณได้อีกด้วยนะ

ถ้าเรากำลังรู้สึกเครียดมาก ๆ แล้วอยากทำสมาธิ เขาก็มี TicBreathe และ TicZen ให้คุณช่วยในการทำสมาธิและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เช่น TicBreathe จะช่วยกำหนดลมหายใจว่า จังหวะไหนควรหายใจเข้า จังหวะไหนควรหายใจออก หรือ TicZen อันนี้จะเป็นการวัดว่าเรามีสมาธิขนาดไหน โดยระบบจะทำการตรวจจับการเคลื่อนไหวของเราแล้วประมวลเป็นค่าออกมาให้เห็น ค่อนข้างน่าสนใจดีครับ

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับการวัดค่าออกซิเจน เพราะ TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ผ่าน TicOxygen ได้แบบเรียลไทม์เลยล่ะครับ

สรุป

ภาพรวมในการใช้งานของ TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้โดยรวมผมให้เต็มในเรื่องประสิทธิภาพของชิปเซ็ตที่อัปเกรดขึ้นมาครับ ใช้งานได้ลื่นไหลดีมาก ๆ และฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ TicWatch ก็ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก และด้วยหน้าจอแบบ Dual Display ที่สลับไปมาระหว่างจอ AMOLED และจอ LCD ทำให้ช่วยประหยัดแบตเตอรี ไปได้เยอะครับ

ส่วนเรื่องฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่าง TicBreath นี่ก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ แถมข้อมูลต่าง ๆ ทั้งหมดที่เราเก็บเอาไว้นี่สามารถดูย้อนหลังได้เป็นปี ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับ ค่าความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ เอาเป็นว่าอยากรู้อะไรก็ค้นย้อนกลับไปได้เต็มที่

ก็ถือได้ว่า TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้มาพร้อมกับ WearOS ที่เสถียรที่สุดในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ครับ
มาดูกันที่เรื่องจุดสังเกตของ TicWatch Pro 3 GPS ตัวนี้กันบ้างนะครับ สิ่งแรกคือเรื่องของการนับก้าวที่อาจจะไม่ตรงเวลาใช้ในการเดินทางทั่วไปในชีวิตประจำวันครับ เพราะเวลานั่งรถยนต์ นั่งรถมอเตอร์ไซค์ก็นับ แต่ถ้าเป็นการนับก้าวเฉพาะช่วงวิ่งออกกำลังกาย หรือตอนวัดระยะทางการออกกำลังกาย ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างแม่นยำเลยล่ะครับ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

TicWatch Pro 3 GPS วางราคาไทยเอาไว้ที่ 11,900 บาท โดยสามารถหาซื้อได้แล้วที่ TicWatch Thailand ที่นี่ที่เดียว มาพร้อมประกัน 1 ปีเต็ม แถมยังการันตีเรื่อง After-Sale Service ที่ดีที่สุด มีศูนย์ซ่อมในประเทศไทย แถมติดต่อง่ายผ่าน Facebook Ticwatch Thailand ได้เลย

ดูแล้วชอบฟีเจอร์ไหนมากที่สุด ส่วนตัวผมชอบ TicBreath นี่แหละครับ ใครเครียด ๆ ใช้โหมดนี้รับรองว่าหายเครียดไปได้เยอะ แล้วคุณล่ะชอบโหมดไหน ช่วยเข้ามาคอมเมนต์บอกกันด้วยนะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส