หลังจาก Google Photos ประกาศว่าจะคิดพื้นที่ในการเก็บรูปจากมือถือทั้งหมด ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021 เป็นต้นไป ทำให้ผมต้องพูดถึง NAS หรือกล่องฮาร์ดดิสก์ต่อเครือข่ายแล้วแหละครับ เพราะเจ้ากล่องนี้แหละที่จะเก็บรูปให้เราแทน Google Photos หรืออัลบั้ม LINE, แถมยังเก็บเพลงไว้เล่นในมือถือหรือลำโพง Wifi, เก็บวิดีโอไว้ยิงขึ้นทีวี, เก็บภาพวงจรปิดเพื่อค้นหาภายหลัง, เก็บไฟล์ไว้แชร์ให้คนอื่นดาวน์โหลดจากที่ไหนก็ได้ และเก็บข้อมูลอื่น ๆ ของครอบครัวอีกสารพัด เป็น #พ่อบ้านดาต้า ที่ครอบครัวไฮเทคควรมี

NAS สำหรับใช้ในบ้านจาก Synology นั้นมีหลายรุ่นครับ แบ่งเป็น 3 ตระกูลหลักคือ J Series ที่ชื่อรุ่นลงท้ายด้วยตัว J เช่น DS220j กลุ่มนี้จะมีราคาถูกสุด แต่ความสามารถก็จะเบาที่สุดเช่นกัน ถัดมาเป็น Value Series รุ่นที่ไม่มีรหัสต่อท้ายเช่น DS218 หรือมีคำว่า play ต่อท้ายเช่น DS418play ก็จะมีความสามารถเพิ่มขึ้นมาหน่อย สุดท้ายคือกลุ่มท็อป Plus Series ที่ชื่อรุ่นมี + ลงท้ายเช่น DS220+ ที่เราโชว์ในวันนี้ ก็จะเป็นตระกูลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ความสามารถครบที่สุดในกลุ่ม NAS สำหรับใช้ในบ้านจาก Synology ครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องพิจารณาคือจำนวนฮาร์ดดิสก์ที่ใส่ได้ครับ สำหรับใช้ตามบ้านทั่วไป เราว่า DS220+ ที่ใส่ฮาร์ดดิสก์ 2 ตัวก็พอครับ แต่สำหรับใครที่ต้องการความจุมากจริง ๆ Synology ก็มีรุ่น DS420+ ที่ใส่ฮาร์ดดิสก์ได้ 4 ตัว ไปจนถึง DS1819+ ที่ใส่ฮาร์ดดิกส์ได้ 18 ตัว โดยใส่ในตัว 8 ลูก และกล่องเสริมอีก 10 ลูกให้เลือกใช้ครับ

มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ซ่อนอยู่หลังฝา รุ่นนี้จะใส่ฮาร์ดดิสก์แบบ 3.5 นิ้ว หรือ 2.5 นิ้วได้ 2 ตัวครับ ซึ่งเราก็ควรใส่ทั้ง 2 ตัวที่มีขนาดเท่ากันนะ มันจะทำสำรองข้อมูลระหว่างกัน เมื่อฮาร์ดดิสก์ตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา เราก็ยังสามารถใช้ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์อีกตัวหนึ่งได้

แล้วเมื่อถอดเอาถาดฮาร์ดดิสก์ออก จะเห็นช่องใส่แรม DDR4 เพิ่มเติมนะครับ คือในเครื่องมีแรมมาให้ 2 GB อยู่แล้ว แต่ถ้าเรามีผู้ใช้เยอะ ๆ ก็สามารถใส่แรมเพิ่มอีก 4 GB เป็น 6 GB ได้ ซึ่ง Synology DS220+ ใช้ซีพียูเป็น Intel Celeron J4025 ก็เป็นซีพียูตัวใหม่สำหรับโลกของ NAS ที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นเดิมพอสมควร สามารถจัดการเรื่องรูปได้ดีกว่า DS218+ รุ่นเดิมราว 20% เลย

แล้วเราควรเลือกฮาร์ดดิสก์สำหรับใส่ใน NAS ยังไง ผมแนะนำว่าควรเป็นฮาร์ดดิสก์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับ NAS โดยเฉพาะครับ เพราะ NAS นั้นต้องเปิดตลอดเวลา 24/7 และมีการอ่าน-เขียนข้อมูลอยู่ตลอด ซึ่งฮาร์ดดิสก์ในกลุ่มนี้ก็เช่น Seagate Ironwolf, WD Red หรือ Toshiba N300 ครับ จะใช้ยี่ห้อไหนก็แล้วแต่ว่าเราถูกชะตากับแบรนด์ไหนเลย

ส่วนความจุของฮาร์ดดิสก์ อันนี้แล้วแต่ทุนทรัพย์และความต้องการในการเก็บไฟล์ของเราครับ เช่นถ้าเราเก็บไฟล์วิดีโอมาก ๆ ถ่ายวิดีโอมาตัดต่อเยอะ ๆ แบบแบไต๋ ก็ต้องเลือกฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสูงๆ อย่าง 14 TB แต่ถ้าใช้เก็บรูปถ่าย เก็บไฟล์เพลง เก็บไฟล์ในบ้าน ผมว่าเริ่มต้นประมาณ 6 TB ก็เป็นจุดสมดุลที่ลงทุนค่าฮาร์ดดิสก์ไม่สูงมาก แต่ได้ความจุที่โอเค ซึ่งถ้าเรางบน้อยจริง ๆ ก็สามารถซื้อฮาร์ดดิสก์แค่ 1 ตัวมาใช้ก่อนได้ แล้วค่อยซื้อฮาร์ดดิสก์ความจุเดียวกันมาเติมทีหลัง แต่อย่าปล่อยให้ข้อมูลมีปัญหาก่อน แล้วมานึกเสียใจว่าเราไม่ได้ใส่ฮาร์ดดิสก์สำรองตั้งแต่แรกนะ

ติดตั้งฮาร์ดดิสก์เรียบร้อยแล้ว มาดูรอบเครื่องของ Synology DS220+ กันบ้าง มีพอร์ต USB 3.0 อยู่ 2 พอร์ตนะครับ ด้านหน้ากับด้านหลัง สำหรับเสียบอุปกรณ์อย่างแฟลชไดรฟ์หรือฮาร์ดดิสก์ภายนอก เสียบไดรฟ์ด้านหน้านี้ แล้วกดปุ่ม C นี้ ระบบก็จะก็อปข้อมูลทั้งหมดลง NAS ให้ทันที นอกจากนี้พอร์ต USB ยังเอาไปเชื่อมต่อข้อมูลกับ UPS ได้ด้วยนะ เวลาไฟดับ NAS จะได้สามารถ Shut Down ตัวเองได้ก่อนที่ไฟใน UPS จะหมด

ส่วนด้านหลังจะมีพอร์ต Gigabit LAN 2 พอร์ตสำหรับต่อเครือข่ายครับ สามารถต่อ 2 พอร์ตพร้อมกันเพื่อเอามารวมเป็นความเร็ว 2 Gigabit ได้ด้วยนะ แต่กล่องนี้ไม่มีพอร์ต HDMI นะ ต่อทีวีโดยตรงไม่ได้
มาเริ่มเปิดใช้ Synology NAS กัน ต่อสายไฟเข้าเครื่อง ต่อสาย LAN 1 Gbps หรือ 1,000 Mbps เข้า Router ตรงนี้ต้องเช็กดีๆ นะครับว่าเราเตอร์เรารองรับ Gigabit LAN รึเปล่า เพราะบางทีเราเตอร์แถมจากผู้ให้บริการจะเป็นแค่พอร์ตแลน 100 Mbps ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลต่ำลงมาก ซึ่งถ้าเช็กแล้วว่าเป็นแค่พอร์ต 100 Mbps ก็ต้องซื้อ Wifi Router ตัวใหม่มาใช้ครับ แต่เชื่อเถอะว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า!
เมื่อกดเปิด Synology NAS ก็รอแป๊บหนึ่ง แล้วเข้าเว็บ find.synology.com จากคอมพิวเตอร์ เพื่อหา NAS ในเครือข่าย เสร็จแล้วก็ทำตามขั้นตอนที่ระบบบอกไปเรื่อย ๆ

DiskStation Manager หรือ DSM ระบบปฎิบัติการของ Synology NAS หน้าตาก็คล้าย ๆ กับ Windows ที่เราใช้กันนี่แหละ ใช้ง่าย เข้าใจง่าย ซึ่งผมโชว์ DSM 7.0 Beta ที่เตรียมจะเปิดใช้เป็นทางการเร็ว ๆ นี้ จะได้ดูของใหม่ล้ำ ๆ กันก่อน แล้วตั้งค่าเมนูเป็นภาษาไทยด้วย จะได้เห็นว่ามันใช้ง่ายแค่ไหน ซึ่งถ้าอยากติดตั้งความสามารถอะไรเพิ่มก็กดเข้าไปที่ Package Center แล้วเลือกติดตั้งความสามารถที่ต้องการได้เลย

NAS พ่อบ้านดาต้าของเราทำอะไรได้บ้าง!

Synology NAS สามารถใช้แทน Google Photos ได้ ไม่ต้องไปนั่งสร้างอัลบั้มรูปใน LINE ไม่ต้องไปดิ้นรนหาทางเก็บรูปที่เก็บไปเก็บมาก็กระจัดกระจาย ด้วยแอป Synology Photos ที่แค่ติดตั้ง Synology Photos ใน NAS ก่อน แล้วติดตั้งแอป Synology Photos ในมือถือ มันก็จะซิงก์รูปทั้งหมดในมือถือของเรามาเก็บขึ้นบน NAS แล้ว หรือถ้าเป็นรูปจากกล้องดิจิทัล ก็แค่ก็อปใส่ห้อง Photos ใน NAS เท่านี้เราจะเปิดรูปดูบนคอมหรือบนมือถือก็ทำได้

ภาพทั้งหมดจะเรียงเป็นไทม์ไลน์ให้ไล่ลำดับดูง่าย ๆ กดสร้างอัลบั้มแล้วแชร์ให้คนอื่นดูก็ได้ หาคนจากใบหน้าก็ทำได้ทั้งนั้น ซึ่งรูปที่ซิงก์เข้ามาแล้ว เราก็สามารถลบทิ้งจากโทรศัพท์ให้ไม่หนักเครื่องได้ เพราะมันเอามาเก็บไว้บน NAS หมดแล้ว ซึ่งเราจะเก็บรูปใน NAS กี่รูปก็ได้ ตราบใดที่ฮาร์ดดิสก์เรายังมีพื้นที่ครับ

แต่ถ้าเป็น DSM 6.2 แอปนี้จะชื่อว่า Synology Moment นะครับ แค่ใน DSM 7.0 จะเปลี่ยนชื่อเป็น Synology Photos เท่านั้นเอง แต่ใช้งานแบบเดียวกัน ถ้าเรามีไฟล์วิดีโอ อาจจะเป็นไฟล์หนังที่ซื้อมา หรือวิดีโอที่ถ่ายในครอบครัว เราก็เก็บลงห้อง Video ของ NAS แล้วใช้แอป Video Station เพื่อเปิดดูได้เลยครับ จะดูจากมือถือก็มีแอป DS Video ให้เปิดดูจากที่ไหนก็ได้ หรือ Smart TV ข้างหลังนี่ก็สามารถเปิดวิดีโอที่เก็บใน NAS ได้เลย เปิดบน Chromecast หรือ Apple TV ก็ได้

ถ้าเรามีไฟล์เพลงลิขสิทธิ์ จะเป็นไฟล์ Lossless ไฟล์ Hi-Res ก็เก็บในห้อง Music แล้วใช้แอป DS Audio เปิดฟังได้เลย หรือจะสั่งให้เพลงไปเล่นกับลำโพง Wi-Fi ที่รองรับมาตรฐาน AirPlay หรือ UPnP ก็ได้

ถ้าเรามีกล้องวงจรปิดที่ต่อเครือข่ายได้หรือกล้องวงจรปิด Wi-Fi ก็สามารถดึงภาพวงจรปิดมาจัดการผ่านแอป Surveillance Station ได้ ทั้งบันทึกวิดีโอลงใน NAS เพื่อดูภาพย้อนหลัง ตั้งเวลาการบันทึก กำหนดโซนตรวจจับความเคลื่อนไหว ทำได้สารพัดใน NAS ครับ

แล้วยังมีแอป Synology Drive ที่สามารถติดตั้งโปรแกรมลงในคอมพิวเตอร์ แล้วทำให้โฟลเดอร์ในคอมพิวเตอร์ซิงก์ข้อมูลกับโฟลเดอร์ใน NAS เราเซฟไฟล์ใหม่ลงไปก็อัปโหลดขึ้น NAS เอง หรือเราเซฟไฟล์พลาด ก็ไปดึงไฟล์เวอร์ชันเก่ากลับมาได้ หรือลบไฟล์ผิด ก็ไปกู้จากถังขยะของ NAS ได้ เปิดไฟล์จากในมือถือก็ได้ คือทำงานเหมือน Dropbox แต่เก็บข้อมูลใน NAS ของเราที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ต้องเสียรายเดือน!

แล้วถ้าเรากลัวข้อมูลใน NAS ของเราสูญหาย เช่น อยู่ ๆ น้ำท่วมจน NAS พัง ก็ยังมีแอป Cloud Sync สำหรับซิงก์ข้อมูลใน NAS กับ Cloud อย่าง Google Drive, OneDrive, Dropbox และอื่นๆ ได้อีกครับ เรียกว่าเป็นการป้องกันอีกชั้นสำหรับข้อมูลที่สำคัญมากๆ ของเรา จะได้มีบันทึกเก็บไว้หลายที่แบบอัตโนมัติ

นอกจากนี้สำหรับ Synology NAS ในกลุ่ม Plus Series ยังมีโซลูชันสำรองข้อมูลเทพ ๆ อีกเพียบ เช่น Active Backup ที่สามารถสำรองข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์มาเก็บเพื่อป้องกันความเสียหายได้ แล้วยังมีฟังก์ชัน Snapshot Replication คือการสร้างสำเนาข้อมูล เพื่อเรียกคืนข้อมูลใน NAS กลับคืนเวลาที่เกิดปัญหา เช่นโดน Malware, Ransomware จู่โจม ก็สามารถย้อนอดีตเอาข้อมูลที่ไม่เสียหายกลับมาได้ครับ
ส่วนการเก็บไฟล์ไว้ใน NAS เราจะจัดการผ่าน File Station ครับ สามารถโยนไฟล์เข้า ดาวน์โหลดไฟล์ออกมาได้เหมือนใช้งานบนเครื่องเลย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างลิงก์แชร์ไฟล์ แชร์โฟลเดอร์จาก NAS ของเราให้คนอื่นโหลดผ่านเน็ตได้ด้วย

นอกจากนี้เรายังสามารถเข้าใช้ไฟล์ใน NAS ได้หลายวิธีครับ เข้าโดยตรงผ่าน Windows Explorer หรือ Finder ของ macOS ก็ได้ เพียงกดเข้าไปที่ NAS ของเราในเครือข่าย แล้วก็อปไฟล์เข้าออกได้เหมือนไฟล์อยู่ในแฟลชไดรฟ์เลย หรือจะเซ็ตอัปให้เข้าใช้ผ่าน FTP เพื่อการโอนไฟล์ผ่านเน็ตให้เร็วขึ้นก็ได้เช่นกัน
และ Synology NAS ยังมีความสามารถอื่น ๆ อีกเพียบ เช่นทำตัวเป็นไดรฟ์ Time Machine สำหรับแมค เพื่อแบ็กอัปข้อมูลและเรียกคืนได้ตลอดเวลาจาก macOS สามารถใช้ดาวน์โหลดข้อมูลโดยตรงจากอินเทอร์เน็ตลง NAS ก็ได้ ทำตัวเป็น Web Server, Mail Server แก้ไขเอกสารบน DSM หรือทำเซิร์ฟเวอร์ในบ้านตัวย่อม ๆ สำหรับนักพัฒนาก็ได้ รัน Docker ก็ได้

จุดสังเกต

อย่างแรกคือมันไม่มีช่องใส่ SSD แบบ M.2 ครับ ถ้าเราต้องการเพิ่ม SSD เป็น Cache เพื่อให้เรียกไฟล์ได้เร็วขึ้น ก็ต้องใช้ SSD แบบ 2.5 นิ้วมาเสียบ ซึ่งก็ทำให้เสียช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ไปครับ ซึ่งช่อง M.2 นี้จะมีใน NAS รุ่นที่สูงกว่านี้เช่น DS420+ ครับ

นอกจากนี้การเสียบไดรฟ์ภายนอกที่ฟอร์แมทเป็น exFAT จะไม่สามารถอ่านได้ทันทีครับ ต้องเสียเงินซื้อไลเซนส์อ่าน exFAT ก่อน ถึงจะอ่านได้ แต่ถ้าเป็นแฟลชไดรฟ์หรือฮาร์ดดิสก์แบบ NTFS หรือ FAT32 ก็จะอ่านได้เลยนะ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

Synology DS220+ ตัวนี้มีราคาอยู่ราวๆ 12,000 บาทไม่รวมฮาร์ดดิสก์นะครับ ถ้ารวมฮาร์ดดิสก์ 6 TB 2 ลูก ทั้งชุดก็ราว 2 หมื่นหน่อย ๆ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนครับ เพราะ NAS ใช้งานได้สารพัด อยู่ได้นานหลายปี ใช้งานได้หลายคนทั้งครอบครัว หรือจะเป็นออฟฟิศขนาดย่อม ๆ และแพ็กเกจแอปพลิเคชันก็ฟรีพร้อมเครื่องทั้งหมด วางใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล แถมไม่ต้องเสียค่าเก็บข้อมูลรายเดือนอีกด้วยนะ

ร่วมสนุกกับกิจกรรม Synology NAS – Your Data Butler แค่ตอบแบบสอบถามนี้ก่อนวันที่ 3 ม.ค. 2021 ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ Synology DS220+ รุ่นที่รีวิวนี้พร้อมฮาร์ดดิสก์ไปเลย!

ลิงก์กิจกรรม: http://sy.to/beartaidatabutler *ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 5 ม.ค. 2021 ทางอีเมล และบน Facebook เพจ Synology APAC (http://sy.to/yjmc6)

โปรโมชันพิเศษส่งท้ายปี 2020 เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ: DS220j, DS420j, DS220+, DS420+ สอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Synology ได้ที่ http://sy.to/beartaiwtb

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส