เรียกว่าสิ้นสุดการรอคอย สำหรับแฟน EVOQUE ชาวไทย วันนี้มาถึงเมืองไทยอย่างเป็นทางการแล้วครับ แถมวันนี้จะได้สัมผัสทั้งรุ่น R-Dynamic รุ่น SE และรุ่นพิเศษที่ชื่อ Lafayette Edition

ดีไซน์

ภายนอกของ Range Rover Evoque PHEV ทั้ง 3 รุ่นที่จอดอยู่ในโชว์รูม เริ่มจากรุ่น R-Dynamic ก่อน อุปกรณ์มาตรฐานที่ทุกรุ่นมีให้เริ่มจาก ไฟหน้าเป็นแบบ Premium LED พร้อม Signature Daytime Running Light อีกทั้งยังมาพร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam Assist พร้อมไฟตัดหมอกด้านหน้า มาดูด้านข้าง ล้อขนาด 20 นิ้ว 5 ก้านลาย Diamond Turned Finish ส่วนหลังคาเป็นแบบ Panoramic Roof ไฟท้ายเป็นแบบ LED และฝาท้ายเป็นแบบไฟฟ้า ซึ่งเปิด-ปิดได้โดยไม่ต้องหยิบรีโมต

ในรุ่น R-Dynamic จะได้ชุดแต่งภายนอกเป็นสีดำรอบคัน ที่กระจังหน้า กระจกมองข้าง หลังคำ และตัวอักษรสีดำขณะที่รุ่น SE การตกแต่งจะเน้นหรู อย่างกระจังหน้าจะตกแต่งด้วยโครเมียม หลังคาจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ล้อเป็นแบบสีเงินปัดเงา ตัวอักษรบนรถเป็นสีเงิน ทั้ง 3 รุ่นมีการตกแต่งโทนสีเบาะแตกต่างกัน

ดูภายนอกของเสร็จแล้ว มาดูภายในกันต่อ Range Rover Evoque PHEV มีการตกแต่งด้วยวัสดุหนัง พร้อมโทนสีดำ Eclipse เบาะนั่งด้านหน้าปรับตำแหน่งแบบไฟฟ้า 14 ทิศทาง พร้อม Memory Seat มาดูที่แผงควบคุม มาตรวัดเป็นแบบ LCD จอสีที่แสดงความเร็วและข้อมูลการขับขี่ กราฟิกสวยงาม พวงมาลัย 3 ก้าน หุ้มด้วยวัสดุหนัง ปรับตำแหน่งแบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และ Cruise Control และสามารถเปลี่ยนเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift อีกด้วยครับ

ถัดมาที่กลางคอนโซลจะพบเครื่องเสียงแบบจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว Pro Duo ที่รองรับวิทยุ Bluetooth เชื่อมต่อ Infortainment อย่าง Apple CarPlay Android Auto ได้อีกด้วย มาพร้อม Digital Audio Brodcast (DAB) และ Dynamic Volume Control นอกจากนี้ยังแสดงภาพผ่านกล้องรอบคันแบบ 3 มิติ ในเรื่องกะระยะทำได้ง่ายขึ้น ส่วนแอร์คันนี้เป็นแบบ Dual Zone ซ้าย-ขวา ไม่ต้องแย่งปรับแอร์ ปรับอุณหภูมิได้ตามใจชอบ

ขณะที่เบาะหลังเข้าไป ตรงช่วงขา Range Rover EVOQUE ได้เพิ่มพื้นที่ช่วงขาทำให้นั่งสบายขึ้น นอกจากนี้ตัวเบาะยังสามารถพับเก็บแบบ 40:20:40 ที่พับได้ราบเรียบ รองรับทุกการขนสัมภาระและกิจกรรมต่าง ๆ สามารถบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดยาวหรือชุดไม้กอล์ฟ ด้วยพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 1,383 ลิตร (เมื่อพับราบหมด)

มาดูรุ่นพิเศษอย่าง Range Rover Evoque Lafayette Edition กันหน่อย ภายนอกมีการตกแต่งพิเศษ อย่างหลังคา Panoramic Sunroof เป็นสี Nolita Grey ส่วนภายในห้องโดยสารเบาะจะเป็นโทนสีเทา Cloud อุปกรณ์ต่าง ๆ จะเหมือนกับรุ่น SE ครับ ที่สังเกตมีความ Edition แสดงว่าผลิตมาจำนวนจำกัด ในประเทศไทย Range Rover Evoque Lafayette Edition นำเข้ามาจำหน่ายเพียง 3 คันครับ

สำหรับเครื่องยนต์ของ Range Rover Evoque PHEV เป็นเครื่องยนต์เบนซิน1.5 ลิตร Turbo Plug-in Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 309 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที จับคู่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Active Driveline และ Adaptive Dynamics พร้อมเทคโนโลยี Terrain Response 2 ที่ตรวจจับพื้นผิวการขับขี่โดยอัตโนมัติและปรับการตั้งค่าตามสภาพผิวที่ตรวจจับได้ สามารถขับขี่ในเส้นทางที่ขรุขระได้ย่างง่ายดาย อีกยังลุยน้ำลึกถึง 600 มิลลิเมตร

Range Rover EVOQUE PHEV มีแบตเตอรี่ Lithium-ion ชาร์จ 1 ครั้ง สามารถใช้โหมดไฟฟ้าได้ 55 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) หากไม่สามารถหากสถานีชาร์จได้ ก็สามารถปรับโหมดให้เครื่องยนต์ชาร์จไฟในตัวได้อีกด้วย

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

สำหรับราคาของ Range Rover Evoque PHEV มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น คือ

  • รุ่น SE ที่เราทดลองขับ ราคาอยู่ที่ 3,999,000 บาท
  • รุ่น HSE 4,100,000 บาท
  • รุ่นสูงสุดอย่าง R-Dynamic ราคา 4,499,000 บาท
  • และสุดท้ายรุ่นพิเศษอย่าง Lafayette Edition อยู่ที่ 4,199,000 บาท

สำหรับใครที่สนใจ SUV สุดหรูอย่าง Range Rover Evoque PHEV ไม่ว่าจะเป็นรุ่น SE , R-Dynamic หรือ รุ่น Lafayette Edition สามารถสัมผัสคันจริงได้ที่โชว์รูม Land Rover ที่สยามพารากอน และ ถนนพระราม 4 หรือถ้าใครอยากนัดทดลองขับ สามารถติดต่อได้ที่ www.landrover.co.th ครับ

Limited Edition ให้คุณจองก่อนใคร คลิก: https://bit.ly/33PMqGZ