Motorola ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนดีไซน์บางเฉียบ Edge 70 สำหรับตลาดระดับโลกอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากเปิดตัว Moto X70 Air ในประเทศจีน ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา

Motorola Edge 70 นั้น ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ pOLED แบบ Super HD ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2,712 × 1,220 พิกเซล) ซึ่งรองรับความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลที่ 446 PPI, แสดงค่าสีระดับ 10 บิต, เร่งการแสดงผลตามมาตรฐาน Pantone SkinTone และ Pantone Colour และมาตรฐานสี DCI-P3 100% ของพื้นหน้าจอที่ผู้ใช้มองเห็นได้

Motorola ได้ประกาศความร่วมมือกับ Pantone บริษัทกำหนดมาตรฐานสีระดับโลก อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2022 ในการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อผสานเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้ากับศาสตร์แห่งสีอย่างลงตัว

Motorola Edge 70

หน้าจอระดับไฮเอนด์ดังกล่าวรองรับอัตราตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอที่ 300 Hz, เร่งอัตรารีเฟรชเรตได้สูงสุด 120 Hz ซึ่งแสดงผลการเคลื่อนไหวของภาพบนหน้าจอได้อย่างนุ่มนวลที่สุดถึง 120 เฟรมต่อวินาที, ความสว่างสูงสุด 4,500 Nits และป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i

Motorola Edge 70 นั้น ได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซตระดับกลางอย่าง Qualcomm Snapdragon 7 Gen 4 ซึ่งได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร, ติดตั้งแกนซีพียู (CPU : Central Processing Unit) จำนวน 8 คอร์ ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.8 GHz และชิปกราฟิก (GPU : Graphics Processing Unit) Adreno 722 โดยจะทำงานร่วมกับแรม LPDDR5X ความเร็วสูง ความจุสูงสุด 12 GB และสตอเรจ ความจุสูงสุด 512 GB

สมาร์ตโฟนดังกล่าวทำงานบนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ Android 16 ที่ปราศจากการปรับแต่งใด ๆ พร้อมรองรับการอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยระยะยาวถึง 5 ปี (จนถึงเดือนมิถุนายน 2031)

Motorola Edge 70

ด้านระบบถ่ายภาพนั้น ได้รับการติดตั้งกล้อง ดังนี้

  • กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.8, ระบบกันภาพสั่น OIS (Optical Image Stabilization), เทคโนโลยี Ultra Pixel
  • กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, มุมกว้าง 120 องศา, ถ่ายภาพ Macro ได้
  • เซนเซอร์แสงแบบ 3-in-1
  • กล้องหน้า ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K, ฟีเจอร์ตกแต่งใบหน้า

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Moto AI ช่วยยกระดับการถ่ายภาพ เช่น Action Shot, Night Vision, Dual Capture, Portrait Mode ความยาวโฟกัส 3 ระดับ (24 มม., 35 มม., 50 มม.), เครื่อง Adobe Scan และเครื่องมือ Magic Editor ทำงานร่วมกับ Google Photos

Motorola Edge 70

Motorola Edge 70 ยังมีสเปกที่น่าสนใจอีกหลายด้าน ดังนี้

  • แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน (Silicon-Carbon) ความจุ 4,800 mAh, ใช้งานได้นาน 50 ชั่วโมง, เทคโนโลยีชาร์จไฟเร็ว TurboPower ระดับ 68 W, ชาร์จไฟไร้สาย 15 W, ชาร์จเพียง 15 นาที ใช้งานได้ 1 ชั่วโมง
  • มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 : ป้องกันตัวเครื่องในน้ำจืดลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที
  • มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP69 : ป้องกันตัวเครื่องในน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส
  • มาตรฐานความทนทานเกรดกองทัพ MIL-STD 810H
  • โครงสร้างผลิตด้วยวัสดุอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในการผลิตเครื่องบิน
  • ฝาหลังผลิตจากวัสดุซิลิโคนที่ได้แรงบันดาลใจจากไนลอน
  • พอร์ต USB Type-C (USB 2.0)
  • ลำโพงสเตอริโอคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
  • ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้แผงหน้าจอ
  • เทคโนโลยี ThinkShield ป้องกันความปลอดภัยครบวงจรของ Lenovo
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4 และ NFC
  • ตัวเครื่องบาง 5.99 มม. ใกล้เคียงสมาร์ตโฟนเรือธงดีไซน์บางเฉียบอย่าง iPhone Air หรือ Samsung Galaxy S25 Edge
  • น้ำหนัก 159 กรัม

Motorola Edge 70 ได้รับการวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร พร้อมสีตัวเครื่องที่ผ่านการรับรองจาก Pantone ได้แก่ Lily Pad, Gadget Grey และ Bronze Green ในราคา 799 ยูโร หรือประมาณ 29,900 บาท และ 700 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 29,700 บาท

Motorola จะขยายการจำหน่าย Edge 70 ไปอีกหลายประเทศในยุโรปและตะวันออกกลางภายในสัปดาห์นี้ และจะขยายไปตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกเร็ว ๆ นี้