Our score
8.0Capcom Fighting Collection 2
จุดเด่น
- รวมฮิต 8 เกมต่อสู้ในตำนานในชุดเดียว
- มีโหมดง่ายทำให้มือใหม่เล่นได้
- ราคาขายไม่แพง
จุดสังเกต
- ไม่ได้มีอะไรใหม่เพิ่มเติม
- เหมาะกับคอเกมต่อสู้เพราะเกมเพลย์เหมือนเดิม
-
กราฟิก
7.5
-
เกมเพลย์
8.5
-
ความคุ้มค่า
8.0
-
ภาพรวม
8.0
หนึ่งในรูปแบบการนำของเก่ามาขายใหม่ของ Capcom ก็คือการขุดเอาตำนานมารวมฮิตขายใหม่แบบตรง ๆ และหนึ่งในซีรีส์เกมดังของค่ายก็คือแนวต่อสู้ ที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวเกมรวมฮิตไฟท์ติ้งเกมเก่าของค่ายมายำรวมกันขายใหม่ และก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก

จนเป็นที่มาของเกม Capcom Fighting Collection 2 ภาครวมฮิตไฟต์ติ้งในตำนานของ Capcom ที่คราวนี้ขนมาถึง 8 เกมในชุดเดียว ที่ดูเหมือนว่ารอบนี้จะเน้นเกมรวมฮิตของค่าย แถมด้วยการครอสโอเวอร์กับ SNK อีก 2 ภาค โดยเกมจะอยู่ในช่วงปลายยุค 90S ลากยาวไปช่วงต้นยุค 2000S ซึ่งก็ถือเป็นยุคทองของเกมแนวต่อสู้ที่ใครเกิดทันคงจะจำได้ว่ามีเกมตู้แนวนี้อยู่ทุกห้าง แม้แต่ในไทยก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน (เกมวางขายบน Nintendo Switch, PS4, Xboxone และ PC)

กราฟิกคงเดิมไม่เปลี่ยน
ตามแนวทางเอาของเก่ามาขายใหม่ ทำให้กราฟิกทุกเกมออกมาเหมือนกับต้นฉบับแต่จะมีโหมดปรับฟิลเตอร์ให้เหมือนกับเกมคลาสสิกในอดีตที่เล่นบหน้าจอทีวีแบบ CRT อย่างไรก็ตามเกมภาคที่นำมารวมฮิตคราวนี้ไม่ธรรมดา เพราะแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นกราฟิกแบบพิกเซล แต่ก็มีบางเกมที่อยู่ในยุคที่ Capcom ได้ลองสร้างเกมต่อสู้แบบ 3 มิติด้วย

ทำให้กราฟิกโดยรวมมันอาจจะไม่ได้ดูเชยอะไรมากมายนัก แม้ว่าจะเป็นเกม 3D ที่อยู่ในยุคสมัย PS1 แต่ก็ยังพอดูดีบนทีวียุคใหม่ ส่วนเพลงและเสียงประกอบก็ยกของเดิม ๆ มาทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยน ซึ่งของเดิมก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอตัว โดยรวมการนำเสนอทั้งภาพและเสียงของเกม Capcom Fighting Collection 2 ออกมาดูดีและไม่เชยจนเกินไปนัก
โดยเกม Capcom Fighting Collection 2 จะเป็นการรวมฮิตตำนาน 8 เกม ทีมงานจะทำการแนะนำไปทีละเกม

Plasma Sword: Nightmare of Bilstein (1998)
หนึ่งในความพยายามของ Capcom ที่จะสร้างเกมต่อสู้ 3 มิติออกมาวางขายเพื่ออิงกระแสเกม Tekken ที่โด่งดังอย่างมากในตอนนั้น และนอกจากกราฟิกที่เป็น 3D แล้ว Plasma Sword ยังมีจุดเด่นที่เกมเพลย์ที่ตัวละครหลักในเกมจะใช้อาวุธเช่นดาบหรือปืน แต่จะมาในธีมหนังอวกาศเหมือนใน Star Wars เช่นตัวเอกใช้ Lightsaber ทำให้มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่แตกต่าง ส่วนการกดท่าไม้ตายก็ทำได้ง่ายดายมีความเป็น Street Fighter มากกว่าทำให้เข้าใจได้ง่าย

Power Stone และ Power Stone 2 (1999)
อีกเกมในตำนานที่ออกวางขายบนคอนโซลครั้งแรกบน Dream Cast กราฟิกในยุคนั้นถือว่าโดดเด่นเพราะเป็นโพลิกอน 3D และเกมเพลย์เป็นแนวต่อสู้ 3 มิติแนวตะลุมบอนที่วิ่งอยู่ในฉากเดียวกัน และต่อสู้กันแบบ 4 ตัวละครในฉากเดียว ซึ่งทำให้มันมีความแตกต่างจากเกมอื่นในยุคนั้นมาก เพราะนอกจากการปล่อยท่าไม้ตายเทพ ๆ แล้วยังมีไอเทมพิเศษที่อยู่ในฉากที่ช่วยเราต่อสู้ได้ง่าย แถมฉากยังออกแบบมาดีเพราะมีอุปสรรคกับดักที่โดดเด่น และยังมีงานออกแบบตัวละครที่ดูดีมีเสน่ห์ด้วย

Capcom vs. SNK: Millennium Fight Pro (2000)
ในตอนที่เปิดตัวถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้มาก เพราะเป็นการครอสโอเวอร์ของ 2 ค่ายที่เน้นทำเกมต่อสู้มายำรวมตัวละครต่อสู้กันในเกมเดียว โดยในภาคนี้เราจะเลือกระบบการต่อสู้ได้ทั้งแบบ Capcom และ SNK ที่จะแตกต่างกันเรื่องการสะสมค่าพลัง และอีกจุดที่โดดเด่นมากคือการเลือกตัวละครร่วมทีมที่สามารถเลือกได้สูงสุด 4 ตัว แต่จะเป็นตัวละครที่มีค่าพลังต่ำ ซึ่งอยากเราเลือกตัวละครเทพพลังสูงจะสามารถเลือกได้จำกัดจำนวนลงตามค่าพลัง ซึ่งตัวที่เทพมาก ๆ จะเลือกได้แค่ตัวเดียว โดยรวมถือเป็นอีกภาคที่สนุกและไม่ควรพลาด

Project Justice (2000)
เกมต่อสู้ 3 มิติอีกเกมจากค่าย Capcom ที่วางขายบนคอนโซล PS1 ที่มีความโดดเด่นที่จะมาในธีมนักเรียนนักเลง ตัวละครจะเป็นตัวแทนโรงเรียนมาต่อสู้กันในสังเวียนเกมแนวต่อสู้ 3 มิติแนวทางคล้าย Tekken แต่การกดท่าจะมาแนว Street Fighter และการแบ่งทีมจะแบ่งจากโรงเรียนต้นสังกัด และมีคุณครูมาร่วมวงต่อสู้ด้วย ถือเป็นอีกเกมที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างมากในยุคนั้น ใครชอบเกมต่อสู้ 3D แนะนำต้องไปลองเล่น

Street Fighter Alpha 3 Upper (2001)
ภาคที่ 3 ของซีรีส์ Street Fighter Alpha ที่มีจุดเด่นที่มีตัวละครให้เลือกเยอะมาก ๆ โดยมีมาให้เลือกเล่นมากถึง 39 ตัวละคร ที่มีตั้งแต่ตัวดังประจำซีรีส์ และตัวละครใหม่ที่บางตัวไม่มีให้เล่นในภาคอื่นด้วย และยังมีการปรับให้เกมเพลย์รวดเร็วขึ้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าใครเกิดทันยุคนั้นน่าจะเคยเล่นเพราะเป็นซีรีส์เกมต่อสู้ในตำนาน ที่มีความเรียบง่ายในการปล่อยท่าไม้ตายแต่เกมเพลย์มีรายละเอียดเชิงลึกที่เยอะมากจนหยิบมาเล่นในยุคนี้ก็ยังสนุก

Capcom vs. SNK 2: Mark of the Millennium 2001 (2001)
ภาคต่อของเกมรวมดาว 2 ค่ายที่วางขายในปี 2001 ที่ยังคงเป็นเกมต่อสู้ 2 มิติที่ใช้กราฟิกเป็นพิกเซล โดยคราวนี้มีการยกเลิกระบบค่าพลังตัวละครออกไป ทุกตัวมีค่าพลังพอ ๆ กันและจะสามารถเลือกได้ทีมละ 3 ตัวละคร ความโดดเด่นของภาคนี้คือจำนวนตัวละครที่มีมาให้เลือกมากกว่า 40 ตัว และยังมีตัวที่ไม่ค่อยได้มีบทบาทในภาคหลักรวมอยู่ด้วย ถือเป็นอีกเกมแนวต่อสู้ที่เคยประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานในยุค 2000S

Capcom Fighting Evolution (2004)
ปิดท้ายกับเกมรวมฮิตตัวละครฝั่ง Capcom มาในยุคที่เกมส่วนใหญ่เป็น 3D แต่ใน Capcom Fighting Evolution กลับใช้แนวทางกราฟิกแบบพิกเซล และเป็นการรวมภาคที่มีความโดดเด่นเพราะมีเป็นการรวมฮิตเกมดังอย่างซีรีส์ Street Fighter 2, 3 และ Alpha มาเจอกับตัวละครสุดแหวกแนวจาก Darkstalkers, Red Earth ได้ คิดดูว่าเราสามารถเอา Ryu มาต่อสู้กับมังกรตัวใหญ่ยักษ์ได้ถือว่าเป็นเกมที่แปลกแต่สนุกและโดดเด่นกว่าซีรีส์อื่น

โดยทุกเกมบน Capcom Fighting Collection 2 จะมีโหมดออนไลน์เล่นกับเพื่อนได้ และยังมีโหมดง่ายที่ใช้แค่ปุ่มกดเดียวก็ปล่อยท่าเทพ ๆ ได้มาให้มือใหม่ใช้งานกันด้วย โดยรวมแล้วเป็นอีกหนึ่งเกมที่ไม่อยากให้พลาดแม้จะเป็นแค่การรวมฮิตแต่ก็มีอะไรให้ค้นหามากกว่าที่คิดและมีราคาขายที่ไม่ได้แพงอะไรด้วย ใครกำลังหาเกมต่อสู้สนุก ๆ ไม่ควรพลาด