รีวิวเกม Fitness Boxing 2 Rhythm & Exercise เกมออกกำลังกายราคาประหยัดบน Switch
Our score
6.5

รีวิวเกม Fitness Boxing 2 Rhythm & Exercise เกมออกกำลังกายราคาประหยัดบน Switch

จุดเด่น

  1. เล่นง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
  2. มีผู้ฝึกสอนให้เลือกหลายคน และเปลี่ยนเสื้อผ้าได้
  3. เล่นกับเพื่อนได้

จุดสังเกต

  1. เกมไม่แตกต่างจากภาคแรกมากนัก
  2. โหมดในเกมน้อยไป
  3. บางโหมดไม่ได้ตรวจจับการออกกำลังกายว่าทำจริงหรือไม่

หลังจากช่วง Covid-19 ระบาดทำให้คนต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ทำให้เกมแนวออกกำลังกายขายดีอย่างมากเพราะคนอยู่บ้านต้องหาอะไรทำ และเกมที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากคือเกมออกกำลังกาย Ring Fit ที่ขายดีแบบถล่มทลาย แต่ยังมีอีกเกมที่ขายดีไปด้วยซึ่งก็คือเกม Fitness Boxing บน Nintendo Switch ที่แม้จะวางขายมายาวนานแต่ก็ทำยอดขายทะลุ 1 ล้านไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มาจากค่ายยักษ์ใหญ่

และด้วยความสำเร็จนี้เองทำให้ มีภาคต่ออย่าง Fitness Boxing 2 Rhythm & Exercise ออกมาวางขายในปลายปี 2020 ที่โลกเรายังประสบปัญหา Covid-19 อยู่ และตามแนวทางเดิมเกมมาพร้อมกับการออกกำลังกายด้วยการใช้ Joy-con ที่มีระบบจับการเคลื่อนไหว และผู้เล่นต้องถอดจอยออกมาจากเครื่องเกม Nintendo Switch แล้วกำไว้ในมือแล้วทำท่าทางตามที่เกมกำหนดที่เป็นรูปแบบที่เรียบง่าย และไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไรเพิ่มทำให้เกมไม่ได้มีราคาแพงกว่าเกมทั่วไป

ภาพในเกมเรียบง่ายตามแนวทางออกกำลังกาย

แน่นอนว่าเกมแนวออกกำลังกาย กราฟิกในเกมจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่ตั้งแต่มีเกมแนวนี้เกิดมาบนโลกเช่น Wii Sports หรือ WiiFit ตัวละครที่เป็นผู้ฝึกสอนในเกมก็แทบจะไม่มีรายละเอียดอะไรเลย เรื่อยมาถึงเกม Fitness Boxing 2 แม้ว่าภาพตัวละครผู้สอนของเราจะมีรายละเอียดและเห็นหน้าตาแบบชัด ๆ แล้วก็ตามแต่ก็ดูเรียบง่ายมากเหมือนกับเกมสมัย PS2 มากกว่าเกมยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ แต่เชื่อว่าแฟนเกมที่อยากออกกำลังกายคงไม่ได้สนใจส่วนนี้อยู่แล้ว

เสียงประกอบคือความโดดเด่น

แม้ว่าภาพในเกมไม่ได้โดดเด่น แต่ระบบเสียงถือว่าดีงามพอตัว เพราะมีการลงทุนใส่เสียงพากย์แบบจัดเต็มมาทุกตัวละคร ที่จะมาคอยสอนเรา ทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าใจในสิ่งที่เกมให้เราทำได้อย่างดี และทุกตัวละครจะมีบุคลิกที่แตกต่างกันด้วย ที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ตามใจชอบ นอกจากนี้เพลงประกอบในเกมยังมีการลงทุนซื้อเพลงดังมาให้เราเล่นระหว่างออกกำลังกายได้ และเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก และเข้ากับการเล่นที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายกันตลอดเวลาการเล่น และมีเพลงดัง ๆ มากมายเช่น Y.M.C.A. , Born To Be Wild , Castle on the Hill ของ Ed Sheeran และยังมีเพลงอีกเพียบรับประกันว่าต้องมีถูกใจสักเพลงแน่นอน

รูปแบบการเล่นเดินตามรอยภาคแรก

อย่างที่บอกว่ามันคือเกมออกกำลังกาย ประเด็นแรกผู้เล่นก็ให้ถอด Joy-con ออกมาเตรียมไว้แล้วแค่ทำท่าทางต่อยมวย ตามที่ตัวละครในเกมกำหนด ที่ดูง่าย ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียดของเกมเพื่อสุขภาพ เช่นเมื่อเข้าเกมเราก็ต้องใส่รายชื่อข้อมูลส่วนสูง น้ำหนัก อายุ เพศ และความต้องการลดน้ำหนักว่าจะลดกี่กิโล และหลังจากนั้นก็เข้าสู่การฝึกสอน โดยหากแฟนเกมมีข้อมูลเก่าสามารถถ่ายโอนข้อมูลจาก Fitness Boxing ภาคแรก มาสู่ภาคสองได้ด้วย

ส่วนรูปแบบการเล่นหลัก ๆ คือการออกกำลังกายแบบต่อยมวยให้ตรงตามจังหวะที่เกมกำหนดเป็นแถบสีแล้วมีการบอกว่าผู้เล่นต้องทำท่าต่อยที่จุดไหน และไม่ได้มีแค่ต่อยแบบหมัดตรง ยังมาพร้อมการต่อยหมัด Hook หรือปล่อยหมัด Uppercut รวมทั้งมีการทำท่าหลบหลีก รวมทั้งมีการย่อตัวเพื่อออกกำลังกายส่วนขา นอกจากนี้มีการต่อยเพื่อทำคอมโบด้วยเรียกว่าหากทำตามจะเหนื่อยพอตัว และมีเพลงดัง ๆ ที่เข้ากับการออกกำลังกายเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกไปกับการเล่นด้วย

ส่วนเมนูการออกกำลังกายที่ผู้เล่นเลือกได้เองโดยกำหนดได้และเมื่อทำเสร็จ ก็จะมีโหมด Free Training ให้เราได้เลือกเล่นมินิเกมที่ต้องการได้อย่างอิสระ และด้วยการใส่ใจของผู้สร้างทำให้เกม มีการให้เราได้ทำการวอร์มร่างกายกันก่อนที่จะเข้าเล่นเกมหลักด้วย เพราะตั้งแต่ในอดีตเกมออกกำลังกายหลายเกมทำให้คนเล่นบาดเจ็บเนื่องจากรีบเข้าสู่เกมโดยไม่ได้อบอุ่นร่างกายก่อน แต่เกมไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเราทำจริงหรือเปล่าผู้เล่นต้องมีวินัยในการเล่นเอง

โหมดน้อยแต่เล่นกับเพื่อนได้

และในโหมด Free Training จะมีให้เลือกว่าเราจะออกกำลังกายจริงจัง หรือแบบเบา ๆ หรือจะแค่ยืดเส้นยืดสายก็ทำได้ แถมในโหมดนี้เราจะสามารถเล่นกับเพื่อนได้ด้วย ทำให้เกมสนุกกว่าเดิมเพราะมีการท้าทายกันด้วย นอกจากนี้เกมมีการเก็บรายละเอียดทั้งการให้คะแนนผู้เล่นเมื่อเล่นผ่านและมีการบอกแคลอรี่ที่เสียไป รวมทั้งแนะนำผู้เล่นอย่างถูกต้องเหมือนมีผู้ฝึกสอนส่วนตัวด้วย

และเพื่อเป็นแรงจูงใจเกมมีระบบถ้วยรางวัล Achievement และแสตมป์ให้ปลดล็อกกันด้วย อย่างไรก็ตามข้อเสียหลัก ๆ ของเกมคือโหมดในเกมที่มีมาให้น้อยไปหน่อย ทำให้หากผู้เล่นจะหาอะไรสนุกแปลกใหม่เหมือนเกม Ring Fit แล้วคงต้องผิดหวังแน่นอน ยังดีที่เราสามารถปลดล็อกผู้ฝึกสอนของเราได้ เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ รวมทั้งยังสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ด้วยถือว่าพอจะมีอะไรให้ทำมากกว่าแค่เล่นโหมดหลัก

เกมนี้ผู้เล่นต้องมีระเบียบวินัย

อย่างไรก็ตามเกมนี้ไม่ได้สมจริง หรือมีการตรวจจับอะไรมากนักเช่นในเกมตอนที่ให้เราวอร์มร่างกายนั้นจะไม่ได้มีการจับการเคลื่อนไหว เราแค่นั่งเฉย ๆ ก็ได้ไม่ต้องทำตามและก็ไม่ได้โดนเกมลงโทษหรือลดคะแนน รวมทั้งการเล่นเราจะทำตามผู้ฝึกสอนในทีวีที่เราต้องยืนเล่นแล้วทำท่าต่อยมวย ที่มีการให้เราย่อตัวและปล่อยหมัดหลากหลายทิศทางด้วย แต่เราจะนั่งเฉย ๆ แล้วแค่สบัดมือเบา ๆ ก็ได้คะแนนเท่ากันเรียกว่าระเบียบวินัยสำคัญ หากเราไม่จริงจังกับการเล่นก็ไม่ได้ออกกำลังกายตามที่ตั้งไว้และลดน้ำหนักไม่ได้แน่ โดยเกมสามารถเล่นโหมดแท็บเล็ตได้เผื่อใครอยากเอาไปเล่นนอกบ้าน แต่เล่นโหมดพกพาไม่ได้เพราะต้องถอด Joy-con มาเล่น

โดยรวมแล้ว Fitness Boxing 2 Rhythm & Exercise ไม่สามารถเทียบกับความสนุกกับเกม Ring fit ได้เลย เพราะโหมดในเกมมีน้อย สิ่งให้ปลดล็อกก็มีไม่มากเท่าที่ควร และไม่ได้มีแรงจูงใจในการออกกำลังกายรวมทั้งไม่ได้มีการตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบเต็ม ๆ ทำให้หากผู้เล่นไม่ได้จริงจังอะไรก็จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการออกกำลังกายได้ แต่หากผู้เล่นตั้งใจจริง ๆ แล้ว ก็จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจเพราะไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมอะไรแบบเกม Ring Fit ทำให้ราคาเกมไม่ได้แพงมาก แถมยังเล่นกับเพื่อนได้อีกถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเกมเพื่อสุขภาพ ที่กำลังเป็นกระแสในยุคนี้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส