สำหรับคนที่มีอาการปวดหัวไมเกรนอยู่บ่อย ๆ คงทราบดีว่าอาการปวดหัวไมเกรนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย หลายคนอาจจะปวดหัวจนไม่สามารถลุกจากที่นอนได้ ไม่สามารถมองแสงจ้าได้ หรือมีอาการอยากอาเจียนร่วมด้วย ทั้งหมดเป็นผลข้างเคียงจากการปวดหัวไมเกรน วันนี้ Hack for Health จะพาทุกคนมาหาสาเหตุหลักที่ทำให้อาการปวดหัวไมเกรนของคุณกำเริบ พร้อมทั้งหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดนี้

ไมเกรนเกิดขึ้นได้กับทุกคน

อาการปวดหัวไมเกรนสามารถพบได้กับทุกวัย รวมถึงเด็กด้วยเช่นกัน และพบว่าส่วนใหญ่แล้วมักเกิดกับผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-44 ปี และประมาณ 3 ใน 4 ของคนที่เป็นโรคไมเกรนคือเพศหญิงเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ หากคนในครอบครัวคุณมีประวัติเป็นโรคไมเกรน คุณก็อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคได้ด้วยเช่นกัน

สาเหตุที่กระตุ้นอาการปวดไมเกรน

อาการปวดไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุแล้วแต่ตัวบุคคล ทั้งนี้ คุณควรหมั่นสังเกตตนเอง และจดบันทึกไว้เพื่อทราบว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้อาการปวดของคุณกำเริบคืออะไร เพื่อหาวิธีป้องกันต่อไป โดยปัจจัยที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรน มีดังนี้

  • ความเครียดและความวิตกกังวล
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือช่วงเป็นประจำเดือน
  • ยาบางชนิดหรือการใช้ยามากเกินไป รวมถึงการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน สเตียรอยด์ และยาบรรเทาอาการปวดตามใบสั่งแพทย์
  • คุณภาพการนอนหลับไม่ดี หรือความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น โรคนอนไม่หลับ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
  • ความเมื่อยล้าตามร่างกาย
  • อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดที่มีคาเฟอีนสูง หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • กินอาหารไม่เป็นเวลาหรืออดอาหาร
  • สูบบุหรี่
  • แสงไฟสว่างจ้า
  • กลิ่นบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว หรือปวดหัวตามมา

หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นไมเกรน

หากคุณรู้สาเหตุแล้วว่าอะไรที่เป็นส่วนสนับสนุนให้คุณรู้สึกปวดไมเกรน คุณก็จะสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยนั้น ๆ ได้ โดยสิ่งที่เราแนะนำให้คุณลองปรับเปลี่ยนเพื่อให้ห่างไกลอาการปวดไมเกรน มีดังนี้

  • กินอาหารให้ครบทุกมื้อ และดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
  • ควบคุมปริมาณคาเฟอีน เพราะการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกวันสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อไมเกรนสำหรับบางคนได้ 
  • ระมัดระวังในการออกกำลังกาย แม้การออกกำลังกายจะเป็นสิ่งที่ดี แต่อาจทำให้บางคนปวดหัวได้ คุณอาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสมดุลในการออกกำลังกายของคุณต่อไป
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพักผ่อนน้อย หรือร่างกายเหนื่อยล้าก็จะทำให้ปวดหัวไมเกรนได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด และหากิจกรรมที่ผ่อนคลายสมองทำอย่างสม่ำเสมอ

อาหารที่คนปวดไมเกรนควรเลี่ยง

นอกจากสาเหตุของการปวดไมเกรนที่เรายกมาข้างต้นแล้ว ยังพบว่าอาหารบางประเภทก็อาจส่งผลต่อการปวดไมเกรนในบางคนได้เช่นกัน ดังนี้

  • อาหารที่มีไทรามีน เช่น ชีส โยเกิร์ต ของหมักดอง
  • แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดง
  • เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
  • อาหารที่มีสารไนเตรต หรือสารกันบูด เช่น ไส้กรอก แฮม กุนเชียง
  • ผลไม้อบแห้ง
  • มันฝรั่งทอดแผ่น
  • ขนมปัง และขนมอบอื่น ๆ ที่มียีสต์
  • ถั่วและเนยถั่ว
  • อาหารที่มีผงชูรส

อาหารและเครื่องดื่มที่ป้องกันไมเกรน

  • อาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม โดยมีงานวิจัยเกี่ยวกับผู้หญิงแสดงให้เห็นว่าแมกนีเซียมอาจช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ อาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม อะโวคาโด และทูน่า เป็นต้น
  • กรดไขมันโอเมก้า 3 โดยงานวิจัยระบุว่าการเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยผู้ที่เป็นไมเกรนได้ อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดพืช เป็นต้น
  • อาหารคีโตเจนิก แม้อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนแต่งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารคีโตอาจช่วยลดอาการไมเกรนได้เมื่อเทียบกับอาหารมาตรฐาน ซึ่งหมายถึงการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและมีไขมันสูง เช่น อาหารทะเล ผักที่ไม่มีแป้ง และไข่ แต่ทั้งนี้อาหารบางชนิดของคนกินคีโตก็อาจมีส่วนช่วยทำให้เกิดไมเกรนได้เช่นกัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะการรักษาระดับความชุ่มชื้นที่ดีอาจช่วยป้องกันไมเกรน และลดอาการต่าง ๆ ได้ 
  • เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคุณ เช่น เลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมและไขมันสูง หรือพยายามรับประทานอาหารที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ 
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เพราะมักจะมีสารเติมแต่งต่าง ๆ เช่น แต่งกลิ่นสังเคราะห์ สารให้ความหวาน หรือสารกันบูด ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการกินยาจะช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ แต่การรู้ปัจจัยเสี่ยงและหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดอาการเหล่านั้นย่อมเป็นการรักษาที่ยั่งยืนที่สุด และคุณควรหมั่นสังเกตตนเองเพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรึกษากับแพทย์ที่ทำการรักษา เพื่อให้การรักษาของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ที่มา 1, ที่มา 2

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส