เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกวันที่น่าจดจำสำหรับผู้เขียน หลังจากที่ได้ไปร่วมชมคอนเสิร์ตของ beabadoobee (บีบาดูบี) ศิลปินสาวสุดคูลที่มีสไตล์การร้องและการเล่นกีตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ กับการมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อทัวร์ในครั้งนี้ว่า ‘Beatopia Tour 2022 Live in Bangkok’ ซึ่งจัดขึ้นที่สามย่าน มิตรทาวน์ ฮอลล์

ถึงแม้ว่า beabadoobee จะเป็นศิลปินที่ผู้เขียนไม่ได้ติดตามผลงานของเธอมากมายนัก แต่พอได้ไปร่วมชมคอนเสิร์ตของเธอก็รู้สึกว่าสนุกแทบตลอดระยะเวลาการแสดงกว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว

การแสดงคอนเสิร์ตในครั้งนี้ beabadoobee ได้จัดเพลย์ลิสต์มามากถึง 18 เพลงเพื่อเอาใจแฟน ๆ ชาวไทย พอถึงเวลาที่เริ่มคอนเสิร์ตตอนประมาณ 20.05 น. เสียงดนตรีในฮอลล์ก็เริ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดของแฟน ๆ ไฟในงานเริ่มหรี่ลงเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเอง beabadoobee ก็เดินขึ้นมาบนเวที และเธอเลือกที่จะเปิดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ด้วยเพลง “Worth It” หนึ่งในเพลงจากอัลบั้มแบบเต็มครั้งแรกของเธอที่ใช้ชื่อว่า ‘Fake It Flowers’ และต่อด้วยเพลงในอัลบั้มอีก 4 เพลง คือ “Together”, “Charlie Brown”, “Care” และ “Yoshimi, Forest, Magdalene”

beabadoobee เป็นศิลปินที่ค่อนข้างมีความเป็นกันเองกับแฟนคลับ ในระหว่างการแสดงเธอก็ได้กล่าวทักทายแฟน ๆ ชาวไทยว่า “พวกคุณรู้สึกดีกันไหม?” และหลังจากที่แฟน ๆ ได้ยินเธอถาม แต่ละคนก็ต่างตะโกนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเรารู้สึกดีมาก ๆ”

หลังจากการกล่าวทักทายแฟน ๆ ไปเล็กน้อย เธอก็เริ่มแสดงเพลงต่อไปอย่าง “He Gets Me So High” จากอัลบั้ม ‘Our Extended Play’ ซึ่งขณะที่แสดงเพลงนี้คนในฮอลล์ต่างเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างพร้อมใจกัน และเธอก็ลุยต่อกับเพลง “See you Soon” และ “the perfect pair” ในอัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘Beatopia’ ซึ่งชื่อที่ใช้ในอัลบั้มนั้นเป็นชื่อเดียวกันกับการทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้อีกด้วย

หลังจากการแสดงไป 8 เพลง จะเห็นได้ว่า beabadoobee นั้นเตรียมเพลงมาจากอัลบั้มต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายเลยทีเดียว นอกจากเพลงและอัลบั้มที่กล่าวไปแล้ว เธอยังคงแสดงต่ออย่างไม่มีหยุดพัก ลากยาวต่อไปอีก 8 เพลง ไม่ว่าจะเป็น “Sun More Often”, “Sorry”, “She Plays Bass”, “Dye It Red”, “Talk”, “10:36”, “Back To Mars” และ “Last Day On Earth” ซึ่งระหว่างการแสดงแต่ละเพลงนั้นก็จะมีช่วงที่เธอได้พักหายใจและสับเปลี่ยนกีตาร์ที่เธอใช้อยู่ตลอด ทำให้มีช่องว่างที่แฟน ๆ สามารถส่งเสียงพูดคุยกับ beabadoobee ได้

ในจังหวะหนึ่งของการแสดงที่คนทั้งฮอลล์ต่างพากันเงียบ เนื่องจากรอ beabadoobee เปลี่ยนกีตาร์เพื่อแสดงเพลงต่อไปอยู่ ทันใดนั้นก็มีแฟนคลับในงานตะโกนขึ้นไปหาเธอว่า “พวกเรารักคุณ!” beabadoobee ก็เลยพูดใส่ไมค์ตอบกลับหาทุกคนในงานว่า “ฉันก็รักพวกคุณทุกคนเหมือนกันนะ” ซึ่ง ณ ขณะนั้นมันช่างเป็นช่วงเวลาและโมเมนต์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่เธอเล่นเพลง “Last Day On Earth” จบ ทุกคนบนเวทีก็วางเครื่องดนตรีลง และ beabadoobee ก็หยุดร้องเพลง พร้อมเดินออกไปทางด้านหลังเวที ทำเอาแฟน ๆ ต่างตกใจและใจหายเมื่อรู้ว่าโชว์นี้ใกล้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงส่งเสียงเชียร์และอยากให้เธอกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที beabadoobee ก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง พร้อมกับการแสดงเพลงรองสุดท้ายที่ผู้ฟังหลาย ๆ คนต่างตั้งตารอคอยอย่างเพลง “Coffee” เพลงที่ทำให้หลาย ๆ คนได้รู้จัก beabadoobee และเป็นเพลงแรกที่เธอเขียนเมื่อปี 2017 นั่นเอง

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายอย่างรวดเร็ว เธอได้เลือกเพลงสุดท้ายของโชว์ในค่ำคืนนั้นด้วยเพลง “Cologne” หลังจากที่เสียงร้องและดนตรีได้จบลง คอนเสิร์ตในครั้งนั้นก็จบสิ้นอย่างเป็นทางการ beabadoobee ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมตลอดงาน จนกลายเป็นว่าเวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ ของการแสดงนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว ผู้ชมแต่ละคนต่างพากันร่วมร้องเพลง โยกหัวตามจังหวะ และกระโดดไปพร้อมกันทั่วทั้งงาน ราวกับว่ามันเป็นชั่วโมงต้องมนต์ที่การแสดงของเธอนั้นสามารถสะกดผู้ชมได้อย่างอยู่หมัดจริง ๆ

ขอขอบคุณภาพจากทาง Live Nation Tero

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส