กลับมาอีกครั้งกับมหกรรม Superbowl ปีนี้ ซึ่งไฮไลต์เด็ดของงานที่จะขาดไม่ได้และเป็นสิ่งที่หลายคนตั้งรอชมกันเลย นั้นคือช่วง Halftime Show ซึ่งในปีนี้ถือเป็นการกลับมาร้องเพลงอีกครั้งของ รีฮันนา (Rihanna) หลังจากที่เธอผันตัวไปเป็นแม่ค้ามาหลายปี

วันนี้เราจะพาทุกคนไปส่องชีวิตเธอกันว่า กว่าจะมาเป็นตัวแม่ในวงการเครื่องสำอางที่ตีตลาดครองใจสาว ๆ ทั่วโลก และนักร้องเสียงอันทรงพลัง ชีวิตรีฮันนาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

ชีวิตของรีฮันนาก่อนที่จะประสบความสำเร็จในวงการเพลงหรือวงการเครื่องสำอางนั้นไม่ง่ายเลยทีเดียว เพราะในวัยเด็กของเธอต้องอาศัยกับพ่อที่ติดแอลกอฮอล์และโคเคน แถมยังต้องเจอกับปัญหาพ่อแม่หย่าร้างกัน รวมถึงการที่เธอโดนกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ในโรงเรียนอีกด้วย

ครั้งหนึ่งรีฮันนาออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่เธอโดนกลั่นแกล้งตลอดชีวิตในวัยเรียนของเธอ เธอโดนล้อเรื่องขนาดหน้าอก สีผิว จนถึงเชื้อชาติของเธอเลย

“ตลอดเวลาที่ฉันใช้ชีวิตในโรงเรียน ฉันโดนล้อเรื่องสีผิวมาโดยตลอด ซึ่งฉันไม่เคยเข้าใจสิ่งที่พวกเขาทำเลย แต่พอฉันโตขึ้นเรื่อย ๆ ฉันก็โดนล้อเรื่องขนาดหน้าอกอีก แต่ฉันกลับไม่รู้สึกว่าฉันเป็นเหยื่อของการกระทำนั้นนะ ฉันรู้สึกขอบคุณนะเพราะฉันคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่พระเจ้าส่งมาทดสอบฉัน ก่อนเพื่อให้ฉันเตรียมตัวเข้าสู่วงการเพลง ตอนนี้ฉันสามารถรับมือกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย”

ในปี 2003 ในตอนนั้นรีฮันนา อายุ 15 ปี เธอเลือกใช้ดนตรีในการบรรเทาความทุกข์ ความเจ็บปวด หรือระบายปัญหาที่เธอเจอกับเพื่อนอีก 2 คน จนเธอได้พบกับโปรดิวเซอร์เพลง อีวาน โรเจอร์ส (Evan Rogers) ที่มาพักผ่อนที่บาร์เบโดส (Barbados) 

“ฉันจะไม่หันหลังกลับไปที่บาร์เบโดสอีก ฉันต้องการทำในสิ่งที่อยากทำ แม้ว่าฉันจะต้องย้ายไปอเมริกาก็ตาม”

โดยโรเจอร์สแนะนำให้เธอย้ายไปอเมริกาเพื่อทำผลงานเพลง และอีก 2 ปีต่อมา เธอก็ได้เซ็นสัญญา Def Jam Records แล้วได้มีโอกาสปล่อยอัลบั้มเพลงเปิดตัว ในชื่อ ‘Music of the Sun’ ด้วยเสียงของเธอทั้งทรงพลังและมีเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลและติดหู ทำให้เธอดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียว จนอัลบั้มเธอติดอันดับ 10 บนชาร์ตเพลง Billboard

ในปี 2007 รีฮันนาได้เปลี่ยนสไตล์การร้องเพลงจากเจ้าหญิงเพลงป๊อปน่ารักมาเป็นแนวซูเปอร์สตาร์และมีการใช้สัญลักษณ์ทางเพลงในอัลบั้มชุดที่ 3 ‘Umbrella’ ซึ่งในอัลบั้มชุดนี้มี เจย์-ซี (Jay-Z) ร่วมร้องด้วย

โดยอัลบั้มนี้ได้ครองใจแฟนคลับกันทั่วโลก ทำให้ผลงานชิ้นนี้ได้ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตเพลง Billboard ไม่ใช่แค่ในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในหลายประเทศ นานติดต่อกันหลายสัปดาห์อีกด้วย และเป็นผลงานที่ทำให้รีฮันนาคว้ารางวัลแกรมมี่สาขาผลงานเพลงแรปยอดเยี่ยมในปี 2008 มาครอบครองและเป็นรางวัลแรกของเธอด้วย

เราก็จะเห็นว่าเธอประสบความสำเร็จในวงการเพลง คว้ารางวัลแกรมมี่ไปได้ถึง 9 รางวัล และกลายเป็นนักร้องหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยเธอมีทรัพย์สินทั้งหมดราว ๆ 600 ล้านเหรียญ 

แต่แล้วชีวิตก็สู้กลับเธอ! ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ในขณะที่เธอกำลังโด่งดังไปทั่วโลก รีฮันนาตัดสินใจคบหาดูใจกับนักร้องหนุ่ม คริส บราวน์ (Chris Brown) หลายคนอาจจะคิดว่า หน้าที่การงานก็ปัง ความรักก็สีชมพู แต่ที่ไหนได้เธอกลับถูกบราวน์ทำร้ายร่างกายก่อนขึ้นแสดงในงานประกาศรางวัลแกรมมีปีนั้น

จากเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงครั้งนั้น ทำให้เหล่าแฟนคลับของรีฮันนาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอกับบราวน์ก็แยกทางกันไปในเวลาต่อมา

รีฮันนาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฉันได้ มันก็อาจเกิดขึ้นกับทุกคนได้เหมือนกัน” หลังจากนั้นรีฮันนาก็กลายเป็นกระบอกเสียงต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

เมื่อเธออิ่มตัวจากวงการเพลงแล้ว ด้วยความที่เธอได้มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์เครื่องสำอางดังหลายแบรนด์ ทำให้เธอสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ ‘Fenty Beauty’ แบรนด์ที่เข้าใจผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะเรื่องสีผิว ที่หลายแบรนด์มักทำสีออกมาให้เลือกน้อย หรือเสื้อผ้าที่ทำออกมาให้เฉพาะหุ่นคนตัวเล็ก

คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์ ‘Fenty Beauty’ ที่เหล่าตัวแม่บิวตี้บล็อกเกอร์หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช้ดีมาก ๆ ซึ่งรีฮันนาเข้าใจผู้หญิงทุกคนที่มีปัญหาในการเลือกรองพื้น จึงออกเฉดสีผิวให้สาว ๆ ได้เลือกมากถึง 40 กว่าเฉดสีเลย จนแบรนด์ของเธอได้รับความนิยมจากทั่วโลกเลย

รีฮันนาเข้าใจผู้หญิงทุกคนที่เจอปัญหาไม่ว่าจะเรื่องสีผิวหรือเรื่องรูปร่าง เพราะเธอเคยผ่านเรื่องนี้มาแล้ว เธอถึงต้องการที่จะทำลายความเชื่อที่ว่าผู้หญิงสวยต้องขาวหุ่นดี เพราะผู้หญิงทุกคนสามารถสวยและมั่นใจในแบบของตัวเองได้

หลังจากรีฮันนาวางไมค์แล้วผันตัวไปเป็นแม่ค้านานหลายปี จนทำเอาแฟนเพลงคิดถึง เมื่อไหร่แม่จะกลับมาร้องเพลงกันนะ และเมื่อปี 2022 เธอก็ได้กลับมาจับไมค์อีกครั้งในรอบ 6 ปี ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ของ ‘Black Panther: Wankada Forever’ ในชื่อเพลงว่า “Lift Me Up”

ในปี 2023 นี้ แม่จะกลับมาร้องเพลงในช่วง Halftime Show ในงาน Superbowl 2023 ซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ถือเป็นการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่จริง ๆ เพราะงานนี้มีคนดูมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก

ที่มา BIOGRAPHY Britannica

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส