รัสเซล โครว์ (Russell Crowe) นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 59 ปี ที่มีผลงานคุณภาพในหลากหลายบทบาท และในหนังหลากหลายแนว เรียกว่าแสดงได้ในหลาย ๆ บทบาทตลอด 32 ปีในวงการ ทั้งหนังดราม่าใน ‘The Insider’ (2000) หนังดราม่าชีวประวัติใน ‘A Beautiful Mind’ (2001) ‘Cinderella Man’ (2005) และ ‘American Gangster’ (2007) หรือในหนังซูเปอร์ฮีโร ที่เขาข้ามไปแสดงทั้งฝั่ง DC ใน ‘Man of Steel’ (2013), ‘Zack Snyder’s Justice League’ (2021) และฝั่ง Marvel ใน ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) และบทนายพลแม็กซิมัส ในหนังพีเรียด ‘Gladiator’ (2000) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

รวมทั้งหนังอีกเรื่องของเขาที่ก็เรียกได้ว่าดีงามไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ‘L.A. Confidential’ (1997) หนังอาชญากรรมนีโอนัวร์สุดเข้มข้นที่ตีแผ่ความสกปรกโสมมของข้าราชการตำรวจ และอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมืองลอสแองเจลิสในปี 1953 ได้อย่างถึงแก่น ซึ่งโครว์ในวัยหนุ่มแน่น รับบทเป็น เวนเดล ไวต์ หรือ บัต เจ้าหน้าที่ตำรวจ LAPD ที่เชื่อในการตัดสินคดีด้วยการใช้วิธีการศาลเตี้ย เน้นความรุนแรงเพื่อหวังผลลัพธ์แบบไม่สนไม่แคร์ขั้นตอนตามวิธีปฏิบัติของตำรวจแบบปกติ

แม้หนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในระดับเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 9 สาขา ยังไม่นับรวมรางวัลลูกโลกทองคำ SAG Awards และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นหนังที่ทำให้แฟนหนังได้รู้จักกับนักแสดงหนุ่มชาวนิวซีแลนด์-ออสเตรเลียคนนี้มากขึ้น จากการแสดงอันโดดเด่น จนได้รับการชื่นชมว่าเป็นอีกหนึ่งการแสดงที่ดีที่สุดของเขา

แต่ล่าสุด นักแสดงรุ่นใหญ่ที่กำลังมีผลงานแสดงหนังแนวสยองขวัญเรื่องล่าสุด ‘Pope’s Exorcist’ ได้เปิดเผยชีวิตและการงานที่ผ่านมาในอดีตของเขาผ่านคลิปสัมภาษณ์ของ Vanity Fair ซึ่งส่วนหนึ่งเขาได้เปิดเผยว่า เพราะ Warner Bros. สตูดิโอเจ้าของหนัง ทำให้เขาในฐานะนักแสดงหนังอเมริกันหน้าใหม่ เกือบจะไม่มีชื่อในหนังเรื่องนี้แล้ว

“ตอนถ่ายทำ ‘L.A. Confidential’ ตอนนั้นน่าจะเป็นหนังเรื่องที่ 15 หรือ 16 ของผมได้แล้วมั้ง ผมได้รับสคริปต์จาก เคอร์ติส แฮนสัน (ผู้กำกับ) ที่อธิบายว่า บัต ไวต์ เป็นผู้ชายที่แกร่งที่สุดของกรมตำรวจลอสแองเจลิส ผมก็แบบ ‘ทำไมถึงอยากให้ผมเล่นบทนี้ล่ะเคอร์ติส ? ‘ “

“เขาตอบว่า เขาดูหนังออสเตรเลีย และหนังอิสระของอเมริกัน 2-3 เรื่องที่ผมแสดงด้วย ซึ่งผมก็ต่อรองว่าอยากให้ชื่อผมอยู่ข้างบนชื่อหนังเสมอ (หมายถึงมีชื่อในฐานะดารานำ) ซึ่งทุกคนก็เกาหัวกัน (หัวเราะ) ซึ่งตอนที่ผมประสบความสำเร็จแล้ว โปรดิวเซอร์ที่เห็นจะได้รู้ว่าผมเล่นหนังมาเยอะจนมั่นใจว่าผมเล่นในหนังอเมริกันได้”

“ผมบินไปลอสแองเจลิส และเข้าพักที่โรงแรม แล้วเราก็เริ่มซ้อมบท และอีก 2-3 วันหลังซ้อม อยู่ดี ๆ สตูดิโอก็หยุดจ่ายบิลค่าโรงแรม และหยุดจ่ายค่าเช่ารถยนต์ของผมด้วย ผมคิดว่าสตูดิโอคงไม่อยากให้ผมได้รับบทนั้น ผมคิดว่าพวกเขาคงต้องการ ฌอน เพนน์ (Sean Penn) และ โรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) ที่น่าจะมั่นใจในฝีมือได้มากกว่า อะไรทำนองนี้”

Russell Crowe Warner Bros LA Confidential

“เพราะแบบนั้น ผมเลยได้อยู่ที่โรงแรมนั้นประมาณ 4-5 วัน ก่อนที่ผมจะออกจากโรงแรมด้วยการเดินลงทางบันไดหลังโรงแรมในตอนเช้า เพราะผมรู้ว่าผู้จัดการของโรงแรมกำลังรอผมอยู่ที่ล็อบบี้เพื่อจะถามผมว่าจะจ่ายบิลค่าโรงแรมเมื่อไหร่ “

“ถ้าผมตัดสินใจหยุด และบอกว่า ‘ผมจะไม่ไปทำงานนี้แล้วนะ’ (สตูดิโอ) คงใช้จังหวะนั้นเปิดฉากเพื่อไล่ผมออกจากหนังแน่ ๆ “

นอกจากนี้ โครว์ยังได้เผยเรื่องราวช่วงเวลาที่หนังเรื่องนี้ได้มีโอกาสไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1997 ด้วย เพราะหากอ้างตามคำกล่าวของแฮนสันในฐานะผู้กำกับ เขาเคยเปิดเผยว่า สตูดิโอเดียวกันนี้ไม่ได้สนับสนุนให้ส่งหนังเรื่องนี้ไปฉายในเทศกาลดังกล่าว เพราะมองว่าตัวเทศกาลมีอคติต่อหนังในสตูดิโอใหญ่ แต่แฮนสันเองต้องการเปิดตัวหนังเรื่องนี้ในเทศกาล เขาและโปรดิวเซอร์จึงผลักดันด้วยการส่งฟิล์มไปยังคณะกรรมการคัดเลือกของเทศกาลโดยตรง

Russell Crowe Warner Bros LA Confidential

“หนึ่งในโปรดิวเซอร์หนังเชื่อมั่นในหนังเรื่องนี้จริง ๆ เขาต่อต้านความต้องการของสตูดิโอ ก็เลยพิมพ์ฟิล์มเอง แล้วเขาก็บินเอาฟิล์มไปส่งเทศกาลหนังเมืองคานส์ ก่อนจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมฉายในเทศกาลหลัก จู่ ๆ หนังเรื่องนี้ก็เป็นที่พูดถึงและชื่นชม เป็นไปได้ไงก็ไม่รู้ จากหนังที่เราคิดไว้อีกแบบ มันกลายเป็นหนังที่ได้รับการยกย่องจากตลาดหนังระดับโลก มันเปลี่ยนชีวิตของหนังเรื่องนี้จริง ๆ ถ้าไม่ได้ฉายในคานส์ ผมคิดว่าหนังคงไม่ได้รับความสนใจขนาดนั้น”

‘L.A. Confidential’ (1997) เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ เจมส์ เอลลอย (James Ellroy) ที่ตีพิมพ์ในปี 1990 ที่ติดตามการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในเมืองลอสแองเจลิสในช่วงทศวรรษ 1950 นำแสดง โดย เควิน สเปซี (Kevin Spacey), เดวิด สเตรทธาร์น (David Strathairn) แดนนี เดอวีโต (Danny DeVito), เจมส์ ครอมเวลล์ (James Cromwell) และ คิม บาซิงเจอร์ (Kim Basinger) ตัวหนังกำกับโดย เคอร์ติส แฮนสัน (Curtis Hanson)

ซึ่งหลังฉายได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์หลายสำนัก นิตยสาร TIME จัดอันดับให้หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของปี 1997 รวมทั้งยังเป็นหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลจากเวทีต่าง ๆ มากมาย ทั้งรางวัลออสการ์ ที่ได้เข้าชิงมากถึง 9 สาขา คว้ามาได้ 2 รางวัล และรางวัลลูกโลกทองคำ ที่ได้เข้าชิง 5 รางวัล คว้าได้ 1 รางวัล โดย คิม บาซิงเจอร์ ที่แม้จะปรากฏตัวในหนังไม่กี่นาที แต่สามารถคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงได้จากทั้ง 2 เวทีสำคัญ และได้คะแนนฝั่งนักวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 99%

และแม้ว่าโครว์จะไม่ได้มีชื่อเข้าชิงในรางวัลใหญ่ ๆ จากหนังเรื่องนี้ แต่การแสดงอันโดดเด่นก็ส่งให้เขาได้เข้าชิงสาขาคัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยม จากเวทีรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ หรือ SAG Awards และกลายเป็นบทบาทที่ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม


ที่มา: Vanity Fair, IndieWire, Insider

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส