Variety ได้รายงรานว่า ‘Fast X’ ทำรายได้เปิดตัวคืนแรกเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2023 ในสหรัฐฯ ไป 7.5 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่ารายได้เปิดตัวคืนแรกของ ‘F9: The Fast Saga’ (2022) และ ‘Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw’ (2019) ที่ทำไป 7.1 ล้านเหรียญ และ 5.8 ล้านเหรียญ ตามลำดับ

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ‘Fast X’ ทำรายได้เปิดตัวคืนแรกสูงกว่า ‘F9: The Fast Saga’ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ภาค 9 นั้น เข้าฉายในช่วงที่ Covid-19 ยังคงระบาดและโรงภาพยนตร์กว่า 80% ในสหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้น ยังไม่เปิดให้บริการแต่อย่างใด

ในส่วนของรายได้เปิดตัวในสหรัฐฯ นั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 60 ล้านเหรีญ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 7 ของรายได้เปิดตัวสูงสุดในแฟรนไชส์ รองจาก ‘F9: The Fast Saga’ ที่เปิดตัวด้วยรายได้ 70 ล้านเหรียญ และเทียบเท่ากับ ‘Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw’ ที่เปิดตัวรายได้ 60 ล้านเหรียญเช่นกัน

ในส่วนของรายได้ในตลาดต่างประเทศนั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 235 ล้านเหรียญ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เปิดตัวต่างประเทศสูงสุดในแฟรนไชส์นี้ และถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของ ‘Fast X’ เนื่องจากตัวภาพยนตร์นั้นใช้ทุนสร้างไปมหาศาลถึง 340 ล้านเหรียญ และทุ่มเงินให้กับค่าโปรโมตอีก 100 ล้านเหรียญ

Fast X

Fast X เป็นการเล่าเรื่องถึงสุดสิ้นสุดในเส้นทางของ Dom Toretto (รับบทโดย วิน ดีเซล) ที่ต้องปกป้องครอบครัวของเขาจาก Dante (รับบทโดย เจสัน โมโมอา) ตัวรายที่เป็นลูกชายของ Hernan Reyes เจ้าพ่อแห่งบราซิลที่ถูก Dom จัดการไปใน ‘Fast Five’ (2011) ภายใต้การกำกับของ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ (Louis Leterrier) จาก ‘Transporter’ (2002), ‘Clash of the Titans’ (2010) และ ‘Now You See Me’ (2013) ซึ่งมารับหน้าที่แทน จัสติน ลิน (Justin Lin) ที่กำกับภาพยนตร์ในแฟรนไชส์นี้มาถึง 5 ภาคด้วยกัน

เดิมทีนั้นได้มีการวางแผนให้แฟนไชส์นี้จบในภาคถัดไป คือภาคที่ 11 แต่ล่าสุดมีรายงานว่า วิน ดีเซล เตรียมจะพัฒนาภาคที่ 12 ต่อไปด้วย ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ที่มา : ScreenRant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส