
5 ปีก่อนคงไม่มีใครคิดว่า ‘The Meg’ จะเปิดศักราชใหม่ของ “หนังฉลาม” ให้แก่วอเนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ในฐานะหนังไซไฟร่วมสร้างระหว่าง จีน กับ สหรัฐอเมริกา ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะในประเทศจีนและความฉลาดอย่างหนึ่งของ ‘The Meg’ คือการดึงแอ็กชันสตาร์อย่าง เจสัน สเตแธม (Jason Statham) มารับบทนำคู่กับนักแสดงจีนเพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้ชาวโลกได้อย่างชาญฉลาด


มาปีนี้ ‘Meg 2:The Trench’ กลับมาพร้อม เบน วีทลีย์ (Ben Wheatley) ผู้กำกับใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งอะไหล่เดิมทั้ง สเตแธม,คลิฟ เคอร์ทิส (Cliff Curtis) และ เพจ เคนเนดี้ (Page Kennedy) ในบทลูกไล่ของพระเอก หรือกระทั่ง ชูหยา โซเฟีย ไช่ (Shuya Sophia Cai) ในบทเหมยอิง ลูกสาวของตัวละครนางเอกภาคแรก โดยสถานการณ์ในหนังภาคนี้ก็เกิดวิกฤติเมื่อแผนสำรวจมหาสมุทรของทีมพระเอกและ ดร. จิวหมิง (อู๋ จิง) น้องชายนางเอกภาคแรกดำลงไปยังร่องสมุทรและพบว่ามีคนลักลอบระเบิดหินใต้สมุทรจนทำให้ฉลามเม็กกะโลดอนตัวเขื่องและหมึกยักษ์หลุดออกมาและมุ่งหน้าสู่เกาะมหาสนุกเตรียมงาบผู้คน
บทหนังดัดแปลงจากนิยาย ‘The Trench’ ของ สตีฟ อัลเทน (Steve Alten) ผู้เขียน ‘The Meg’ ต้นธารของหนังภาคแรก โดยคราวนี้มันก็อาศัยความเป็นหนังภาคต่อในการไม่เล่าที่มาอะไรทั้งสิ้น เพราะคนดูรู้จักกับตัวละคร โจนาส เทย์เลอร์ ของสเตแธมอยู่แล้ว และคราวนี้สิ่งที่โจนาสต้องเผชิญก็แค่ลงยานสำรวจและช่วยทีม ดร. จิวหมิงกับเหมยอิงให้ปลอดภัยโดยมีตัวละครสมทบที่หนังจะค่อย ๆ ฆ่าให้ตายตามกันไปเพื่อลดภาระในการเล่าเรื่อง ซึ่งด้วยเสน่ห์ของสเตแธมก็ต้องยอมรับว่าเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมยังอยู่กับหนังได้
และต้องยอมรับแหละครับว่าถ้าถอดสมองดู..หนังก็ทำออกมาได้สนุกสนานดี โดยสิ่งที่ผู้ชมต้องเตรียมตัวคือไม่ควรคำนึงถึงเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นการออกมาของปลาหมึกยักษ์หรือกระทั่ง สแนปเปอร์ สัตว์เลื้อยคลานโบราณที่จู่ ๆ ก็มาโผล่บนเกาะ กระทั่งฉากในตัวอย่างที่เราเห็นสเตแธมเอาขายันปากเม็กกะโลดอนก็น่าจะยืนยันความโม้แหลกของหนังได้เป็นอย่างดี ดังนั้นใครจะหาความสมเหตุสมผลหนังเรื่องนี้ไม่ตอบโจทย์แน่นอนครับ




สิ่งที่แอบสังเกตได้คือบทหนังในภาคนี้เริ่มขาย “ความจีน” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเข้ามาของตัวละคร จิวหมิง ของ อู๋ จิง ที่มาเป็นแอ็กชันฮีโรฝั่งจีนโดยเฉพาะ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีดูมีเสน่ห์บนจอแบบไม่กลัวโดนสเตแธมบังรัศมี หรือการใช้ ชูหยา โซเฟีย ไช่ กลับมารับบทเหมยอิง ก็ยืนยันได้ไม่น้อยว่านายทุนฝั่งจีนหวังจะดันเธอเป็นซูเปอร์สตาร์คนต่อไปให้ได้ เพียงแต่บทเหมยอิงของเธอยังถูกเขียนมาไม่มีมิติเท่าไหร่เลยอาจจะยังโดนคุมกำเนิดอยู่
รวมไปถึงการปรากฎตัวของเอ็กซ์ตร้านักท่องเที่ยวจีนบนเกาะมหาสนุก (Fun Island) และแอบมีประโยคที่บอกชาวโลกให้เห็นใจนักท่องเที่ยวจีนที่ทำงานลำบากมานานกว่าจะได้เที่ยวอีกด้วย จนทำให้ ‘Meg 2:The Trench’ มีภาพของความเป็นหนังลูกครึ่งฮอลลีวูดกับจีนผสมผสานกันอย่างกลมกล่อมมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
และสำหรับคนไทยแล้ว ‘Meg 2:The Trench’ ดูจะเป็นหนังที่เอาใจคนบ้านเราไม่น้อยเลย หลังจากภาคแรกมาเปิดตัวโจนัสที่จังหวัดสมุทรปราการและเอาเพลง ‘Mickey’ ฉบับภาษาไทยเป็นเพลงเอนด์เครดิต มาภาคนี้ถึงกับยกกองมาถ่ายทำที่เกาะพาราไดซ์ จังหวัดภูเก็ต ในฉากใหญ่ท้ายเรื่อง และยังมีเพลง ‘That’s not my name’ เพลงต้นฉบับของวง The Ting Things ที่เอามาร้องใหม่โดย PIM เป็นฉบับภาษาไทย




แต่พ้นจากความโม้แหลกจนบันเทิงของหนังแล้ว น่าเสียดายสิ่งที่หนังทำได้ดีมากในหนังภาคแรกคือการสร้างจังหวะลุ้นระทึก (Thrill) กลับทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในหนังภาคนี้แม้จะมีฉากที่กดดันมาก ๆ อย่างฉากเดินใต้ทะเลฝ่าฝูงเม็กกะโลดอนกับฝูงปลาไหลมอเรย์ แต่จังหวะหนังกลับไม่สามารถทำให้ผู้ชมลุ้นตามได้เท่าไหร่ และคุณภาพของงานวิชวล เอฟเฟกต์บางจุดก็ยังไม่เนียนเท่าไหร่โดยเฉพาะเหล่าสัตว์ประหลาดในหนังที่หลายซีนก็ยังดูลอย ๆ อยู่
โดยภาพรวมแล้วความสนุกของการดู ‘Meg 2:The Trench’ เลยเหมือนการเชียร์ฮีโรอย่างโจนาสให้รอดจากปากฉลามอย่างหวุดหวิดและการได้เห็นบรรดาสัตว์ประหลาดอย่างเม็กกะโลดอน สแนปเปอร์ หรือหมึกยักษ์ในหนังบล็อกบัสเตอร์บ้างก็ทำให้ปี 2023 ไม่เหงาเกินไปสำหรับคอหนังมอนสเตอร์ และขอแนะนำให้ชมในระบบ Screen X ของ Major Cineplex กับมุมมองภาพ 270 องศา โดยผมได้รับชมที่สาขา Icon Cineconic ในศูนย์การค้าไอคอนสยาม ซึ่งมีการปรับปรุงเครื่องฉายเลเซอร์ให้ความคมชัดถึง 4K โดยสามารถชมตัวอย่างได้ด้านล่างนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส