ดราม่าแท็กซี่ในสังคมไทยนี่ไม่หยุดหย่อนจริงๆ ทั้งไม่รับผู้โดยสาร ขับผิด ขับวน ขับพาหลง จนผู้โดยสารแบบเราๆ เริ่มปวดใจ นี่ผู้เขียนเองก็เริ่มหันไปใช้แอปพลิเคชั่นสำหรับเรียกรถขนส่งมาสักพักแล้ว ปรากฎว่าใช้กี่แอปพลิเคชั่นก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับแท็กซี่ปกติทั่วไป มีทั้งขับผิด ขับมั่ว ตาม GPS เสียเงินเกินไปหลายร้อยก็มี ผู้เขียนเลยได้บทเรียนว่า เอ๊ะ.. จริงๆ แล้ว เราไม่อาจเหมารวมคนทั้งอาชีพได้ทีเดียว แต่น่าจะขึ้นอยู่กับฝีมือและจรรยาบรรณของผู้ให้บริการแต่ละคนซะมากกว่า

..แต่จะว่าไป เราก็มัวแต่มองในมุมผู้ใช้บริการ ลองมาดูกันดีกว่าว่าสาเหตุอะไร ที่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการกันบ้าง

หนูจะไปศาลายา.. ไม่ใช่ศาลอาญา

มีเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยดังย่านศาลายา ตั้งใจจะเดินทางจากโบเบ๊กลับมาที่มหาวิทยาลัย และบอกคนขับแท็กซี่ว่า “ไปศาลายาค่ะพี่” ไม่รู้อีท่าไหน พี่แกดันพาไปส่งที่ศาลอาญา แถวรัชดาแทน.. ก็เสียเวลา บวกกับมึนงงกันไปพักใหญ่

www.stpaulyellowtaximn.com

บางทีผู้ใช้บริการแบบเราๆ ก็บอกไม่ชัดเจนบ้าง ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน ครั้นอยากจะบอกให้ละเอียด ไอ้เราก็จำทางได้ไม่แม่น พอบอกไม่เป๊ะ พี่คนขับแกก็ขับพลาด ทางที่ดีผู้โดยสารแบบเราๆ ควรใช้สูตรสำเร็จว่า ไปถนนอะไร ซอยเลขที่เท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดความผิดพลาดได้มากขึ้น หรือจะเปิดสถานที่ปลายทางให้พี่แท็กซี่แกดูเลย ว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้ ถนนเป็นแบบนี้ อยู่ใกล้สถานที่สำคัญอันนี้ ก็จะทำความเข้าใจกันได้ตรงกันมากขึ้น

ยืนยันให้ชัดเจน ว่าฉันจะใช้เส้นทางนี้!

เห้ยยย.. พี่แกพาขับวนเปล่านะ

นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่ขึ้นแท็กซี่ ทั้งที่จริงๆ แล้วคนขับอาจไม่ได้พาขับวน แต่อาจเป็นเส้นทางที่ใกล้กว่าก็ได้ แต่เพราะความไม่เคยชินของเรา เลยทำให้เรารู้สึกว่าพี่แกเนียนขับวน

แต่เสียอะไร ก็ไม่เท่าเสียความไม่สบายใจและเสียอารมณ์ ดังนั้นเราควรบอกให้พี่แท็ก แกใช้เส้นทางที่ผู้โดยสารแบบเราต้องการ และเราเคยเดินทาง เพราะตลอดเวลาการเดินทางจะเกิดปัญหาความเครียด ทั้งกับพี่แท็กและกับเราได้ รถติด รถชน ฝนตก คันนี้ขับแซง เห็นแล้วปวดใจ.. แต่ถ้าเป็นทางที่เราเคยชิน ถึงรถจะติด ฟ้าจะร้อง น้องคันข้างๆ จะกวนฝ่าเท้า เราก็จะเคยชินกับสภาพที่ตัวเองประสบอยู่แล้ว

ดังนั้นทางที่ดีผู้โดยสารแบบเราๆ ควร บอกว่าจะใช้ถนนเส้นไหน หรือเส้นทางใดดีกว่า จะได้ไม่สร้างความเข้าใจผิดต่อกัน

financialtribune.com

ของเยอะไป.. ไม่อยากรับ

อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้โดยสารแบบเราๆ ช็อคไปตามๆ กัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง!

เคยถามพี่แท็กย่านธุรกิจการค้าย่านสำเพ็ง ว่า “พี่ๆ เนี่ย เรียกแท็กซี่ตั้งนานไม่มีใครรับเลย ทำไมเค้าไม่รับกันอะพี่” ก็เลยได้คำตอบมาว่า เพราะผู้โดยสารบางคนถือของมาเยอะ และถ้ารถเก๋งแบบเราบรรจุของเยอะๆ ก็จะทำให้รถเสื่อมสภาพในอนาคตได้ หรือบางคน มากันหลายๆ คน นั่งเบียดๆ กัน ก็ส่งผลให้สมรรถภาพรถแย่ในอนาคตได้

ว่าไปแล้วก็เห็นใจแกเหมือนกัน.. แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นมีแท็กซี่หลายๆ คัน ที่ไม่รับ ทั้งๆ ที่ของก็ไม่เยอะ แถมเรามาคนเดียวด้วย ทางออกก็เลยต้องหันมาพึ่งคนขับจากแอปพลิเคชั่นนี่แหละ ให้ไปยืนเรียกเป็นวันๆ ก็ไม่ไหวเนอะ

พี่กดมิเตอร์ไวไปเปล่า..

ปัญหาการกดมิเตอร์มาจากต้นซอย เมื่อวิ่งเข้ามารับผู้โดยสารท้ายซอย หรือ รปภ. หมู่บ้านเรียกให้มารับลูกบ้านในหมู่บ้าน เป็นประเด็นสำคัญอีกอย่างของปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ระหว่างคนขับแท็กซี่และผู้โดยสาร

จนอดคิดไม่ได้ว่า บางทีพี่แท็กแกงกเกินไปรึเปล่า จำได้ว่าครั้งนึงที่ผู้เขียนไปเที่ยวญี่ปุ่น คุณลุงคนขับแท็กซี่แกจะกดมิเตอร์ หลังจากที่เราบอกทาง และตกลงเส้นทางกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ทำให้นักท่องเที่ยวแบบเราประทับใจไม่น้อย (แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เจอในประเทศอื่นๆ ก็เหอะ) แต่ก็นะ นั่นมันความญี่ปุ่น ความมีระเบียบ ความใจดี ที่ทั่วโลกชื่นชม จะเทียบกับคนชาติอื่นๆ ก็คงยาก วันนี้ผู้เขียนเลยไปหาข้อมูลมา ถึงได้รู้ว่า การที่พี่แท็กแกกดมิเตอร์ก่อนไปรับเราในซอยนั้น แกสามารถทำได้ เพราะโดยปกติแล้วการเรียกให้วิ่งรถเปล่าเข้าไปรับนั้น โดยข้อกำหนดของขนส่งได้ ติดประกาศไว้ที่หลังคนขับแล้วว่า สามารถคิดค่าบริการเพิ่ม 20 บาทได้ .. อันนี้ก็คงต้องทำใจยอมรับ เพราะเราไม่รู้มาก่อนจริงๆ นี่เนอะ

ingoanews.com

จะว่าไป โลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นเยอะ ถ้าเราเรียนรู้ที่จะมองโลกหลายๆ ด้าน ทั้งในมุมของเราและมุมของคนอื่นๆ รอบตัว.. บางเรื่องที่เราไม่รู้ ก็อาจจะผิดพลาดไปบ้าง แต่ถ้าเรารู้แล้ว พร้อมปรับปรุงและพัฒนาตัวเอง สุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราก็จะดีขึ้นเยอะเลย เหมือนกับปัญหาดราม่ากับพี่แท็กพวกนี้ เราจะไปเหมารวมหมดก็คงไม่ได้ เพราะยังมีหลากหลายเหตุผลของคนอื่นๆ ด้วย ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นก็ไม่เสียหายนี่น่า.. เนอะ