[รีวิว] A Home with a View: แด่โลกทุนนิยมบ้า ๆ ที่กำลังฆ่าเรา
Our score
8.4

A Home with a View

จุดเด่น

  1. ตลกร้าย เสียดสีสังคมได้แสบมาก
  2. ดัดแปลงจากละครเวที ทำให้มีสีสันแปลกใหม่
  3. ดารานักแสดงคับคั่ง
  4. ข้อคิดดี ดราม่าบาดใจ

จุดสังเกต

  1. การแสดงแบบละครเวทีบางช่วงก็เล่นใหญ่เกินหนัง
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.5

  • โปรดักชั่น

    8.0

  • ข้อคิด สาระ

    9.0

  • ความสนุก

    8.5

  • ความคุ้มค่า

    8.0

เรื่องย่อ

หนังฮ่องกงที่ดัดแปลงจากละครเวทีชื่อเดียวกัน ที่พูดถึงครอบครัวฐานะขัดสนครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหลายรุ่นวัย ที่ล้วนแต่มีปัญหาของตนเอง ทั้งทะเลาะกันเองและกับเพื่อนบ้าน แต่ก็พยายามประคับประคองกันผ่านวิกฤตได้อยู่เสมอ หนึ่งในกำลังใจของพวกเขาคือทุกครั้งที่จิตตกจะยังได้มองวิวทะเลจากช่องตึกที่ตรงกับหน้าต่างห้องอพาร์ตเม้นท์ของพวกเขา แล้ววันหนึ่งก็มีชายคนหนึ่งมาเช่าห้องตึกฝั่งตรงข้ามพร้อมกับทำป้ายโฆษณาขึ้นมาบังวิวทะเลของพวกเขาจนหมด เป็นอีกครั้งที่พวกเขาต้องร่วมใจทวงคืนความสุขของครอบครัวกลับมา

หนังเข้าฉายที่ฮ่องกงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เน็กฟลิกซ์ก็รีบซื้อมาฉายต่อเลย

เห็นหน้าหนังผ่านทางเน็ตฟลิกซ์ ว่ากำลังเป็นที่สนใจก็ว่าแปลกดี พอดูฉากแรกก็รู้ทันทีว่ามีของไม่ธรรมดาเลย อาจด้วยการที่หนัง A Home with a View มีรากเดิมเป็นละครเวทีมาก่อนด้วย ทำให้การเซ็ตฉากและออกแบบมูฟเม้นท์ต่าง ๆ ของตัวละครนั้นคล้ายเวลาดูละครเวที ต่างกันเพียงกล้องทำหน้าที่รับมุมต่าง ๆ ได้สนุกขึ้น เห็นเหตุการณ์มุมอื่น ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง ด้านโปรดักชั่นฝีมือการกำกับของ เฮอร์แมน เหยา จากหนัง Ip Man: The Final Fight ก็เป็นผู้กำกับฮ่องกงที่มีผลงานต่อเนื่อง 70 กว่าเรื่องยาวนานมากว่า 30 ปี และล่าสุดก็เพิ่งมีผลงานกำกับร่วมกับ โจวชิงฉือ ใน The New King of Comedy ก็กลายเป็นว่าได้ทำหนังแนวตลกออกมาไล่เลี่ยกันเลยทีเดียว พูดถึงความเนี้ยบของเรื่องนี้ก็นึกถึงแบบพวกหนังญี่ปุ่น แต่ใส่จริตแบบคนจีนที่โหวกเหวกโวยวายเสริมเนื้อหาที่อลวนวุ่นวายได้พอกัน ใครชอบรสแบบละครเวที หรือหนังเซ็ตติ้งน้อยถือว่าเป็นรสชาติที่นานทีจะมีให้ได้ชม

มาพูดถึงส่วนที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ คงเป็นการรวมดาราดังคับคั่งมาร่วมแสดง ทั้งนักแสดงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดีอย่าง อู๋ เจิ้นหวี่ ในบทหัวหน้าครอบครัวที่ต้องหาเงินมาผ่อนห้องและแก้ปัญหาต่าง ๆ ในบ้าน หยวน หย่งอี้ ดาราสาวหน้าสวยแห่งยุค 90 ที่มารับบทแม่บ้านที่ต้องจัดการทุกอย่างในบ้าน โดยเฉพาะกับสามีที่ไม่เอาไหน นอกจากนี้ยังได้ดารามากฝีมืออย่าง กู่ เทียนเล่อ มารับบทตัวร้ายที่ทั้งหน้าหมั่นไส้และน่าสงสารได้อย่างโดดเด่นมาก ๆ หนังยังมีนักแสดงประกอบที่คุ้นหน้าอีกหลายคน เชื่อว่าแฟนหนังฮ่องกงมีร้องอ๋อตลอดเรื่องแน่ ๆ

และที่ต้องพูดถึง เพราะเป็นส่วนที่ทำให้อยากนำมาแนะนำหนังจริง ๆ ก็คือ บทหนังที่ต้องบอกว่า ตลกร้ายและแทงใจสังคมเมืองยุคปัจจุบันมาก ๆ ตัวละครของ อู๋ เจิ้นหวี่ ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว คือคนธรรมดาที่พยายามรับมือกับเศรษฐกิจในโลกทุนนิยม ที่ใครฝันอยากมีบ้านสร้างครอบครัวต้องกระเสือกกระสนปางตาย และแม้กระนั้นก็ใช่ว่าสิ่งที่ได้มาจะสมบูรณ์แบบดั่งฝันสมปรารถนาของใคร ๆ รอบ ๆ ตัว จนเขาถูกหยันว่าห่วยจากคนในครอบครัวก็หลายครั้ง แต่กระนั้นเขาก็ทำได้แต่ก้มหน้ายิ้มรับมันไป สิ่งพักใจของทุกคนในครอบครัวมีเพียงหน้าต่างบานเล็ก ๆ ที่มีวิวทะเลไกล ๆ ผ่านช่องตึก ที่พอหลอกตัวเองเอาได้ว่าประหนึ่งอยู่คอนโดราคาหลายสิบล้าน

แต่แล้ววันหนึ่งตัวละครของ กู่ เทียนเล่อ ก็เข้ามาพร้อมป้ายโฆษณาที่สร้างอย่างผิดกฎหมายบังช่องตึกนั้นจนมิด แล้วความสงบสุขของใจอันน้อยนิดของครอบครัวนี้ก็แตกสลาย ทุกคนในครอบครัวพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อนำวิวทะเลกลับมา ทั้งฟ้องทางราชการ แต่ก็ถูกความหัวหมอของตัวร้ายเล่นคำว่ามันคืองานศิลปะแทน จะหาความร่วมมือจากเพื่อบ้านร่วมกดดันก็ไม่มีใครแยแสเพราะเขาไม่มีปัญหาโดนป้ายบัง จนสุดท้ายขอกราบอ้อนวอนแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากตัวร้าย ซ้ำยังถูกดราม่าของตัวร้ายเล่นงานกลับเสียอีก เพราะแท้จริงมันก็มีเหตุผลอันหน้าเห็นใจที่เขามาทำเช่นนี้ ตัวกู่ เทียนเล่อเองก็คือหนึ่งในเหยื่อของโลกยุคใหม่ที่พร้อมจะข้ามและย่ำคนที่จิตใจดีและซื่อตรงมาก่อนเช่นกัน

บทสรุปของเรื่องราวสุดอลหม่าน ที่ฉาบหน้าด้วยความสนุก ตลก กลับมีเรื่องที่ล้อโลกความจริงได้มืดหม่นสุด ๆ มันคือโลกที่เหยื่อของสังคมทุนนิยมต้องมาห้ำหั่นฆ่าฟันกันเองเพื่อให้อยู่รอด หรือมีความสุข ฉากที่พ่อของพระเอกพยายามฆ่าตัวตายเพราะป่วยเป็นภาระครอบครัว ทั้งยังจะได้มีเงินประกันมาจุนเจือนั้นบาดจิตใจเรามาก แต่ที่สั่นสะเทือนที่สุดคงเป็นประโยคถัดมาที่ตัวเอกบอกว่าจะปล่อยพ่อกระโดดสะพานตายได้ยังไง ก็มันมีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วไปหมด เขาได้ติดคุกพอดี มันคือบทที่โคตรหดหู่ เรารู้ล่ะว่าครอบครัวนี้รักกันแต่สังคมมันทำคนป่วยได้ขนาดนี้ทีเดียว และเมื่อหนังมาถึงฉากสุดท้ายเราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันจบแบบนี้

นี่เป็นหนังเสียดสีสังคมแห่งการแข่งขันแก่งแย่งเอารัดเอาเปรียบกันที่ สะเทือนใจ เราเป็นที่สุด แนะนำครับได้ข้อคิดอะไรเยอะทีเดียว

Play video

สามารถรับชมได้ที่นี่เลย https://www.netflix.com/watch/81029737