จากวงอันเดอร์กราวนด์มาสู่ค่ายเพลงน้องใหม่ในเครือแกรมมี่อย่าง Gene Lab การเดินทางที่น่าตื่นเต้นของ The Darkest Romance เหมือนจะยิ่งเร้าใจมากขึ้นไปทุกที ยิ่งได้ฟัง EP ชุดใหม่ ‘Words’ ที่พวกเขาได้หยิบจับเอาเรื่องราวรอบตัวมาเรียงร้อยถ้อยคำผ่านดนตรีอันน่ามหัศจรรย์ที่เป็นผลพวงของการประสานท่วงทำนองอันหน่วงหนักกับท่วงทำนองอันงดงามไพเราะเข้าไว้ด้วยกันอย่างชวนตะลึง !

เอกลักษณ์ในงานดนตรีของ 4 หนุ่มเลือดเดือด แม็ก–ธิติวัฒน์ รองทอง (ร้องนำ, เบส), ซีเกม–ธณัตชัย เหลือรักษ์ (กลอง), ก้อง–ก้องอุดม ใจทัศน์กุล (กีตาร์) และ เต้–ปัฏฐสิทธิ์ ห้วยห้อง (กีตาร์) ในนามThe Darkest Romance อยู่ที่การเล่าเรื่องรอบตัวได้อย่างคมคายโดยจับวางลงไปในท่วงทำนองดนตรีที่มีการเรียงร้อยได้อย่างกลมกล่อมลงตัวภายใต้คอนเซปต์ที่แข็งแรง งานเพลงแต่ละชุดที่เคยปล่อยมาล้วนแล้วแต่มีคอนเซปต์ครอบคลุมไว้ไม่ว่าจะเป็น  ‘70,000,000 – 1 = 0’  ‘คู่’ หรือว่า ‘Lessons’ สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ในปี 2015 ที่มีคอนเซปต์การเล่าเรื่องเป็นห้องเรียนห้องหนึ่งและแบ่งบทเพลงตามรายวิชาสะท้อนเรื่องราวของชีวิตและสังคมอย่างเฉียบคมตรงไปตรงมา แค่ชื่อเพลงก็เท่สุดจิตแล้ว อย่าง ‘วิชาภาษาไทย-ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก’ , ‘วิชาสังคมศึกษา-วิจารณรยัม’ หรือว่าจะเป็น ‘วิชาสุขศึกษา-จุดสุดยอด’

กลับมาคราวนี้กับ ‘Words’ EP ล่าสุดที่ประกอบไปด้วยบทเพลง 5 เพลง ภายใต้คอนเซปต์ ‘ความ…’  ที่แต่ละเพลงมีความยาวมากกว่า 10 นาที !! ถือได้ว่าเป็นการทดลองทางดนตรีครั้งใหม่ของพวกเขา ที่อยากจะเล่าเรื่องราวอย่างไร้ข้อจำกัด พยายามฉีกกรอบความคุ้นชินของตนเอง (และคนฟัง) สำรวจความคิด กลั่นกรองอารมณ์และถ่ายทอดออกมาอย่างทะเยอทะยาน ผ่านงานดนตรีที่มีชั้นเชิงและเนื้อหาที่ลึกซึ้งคมคายดิ่งลึกสุดขั้วอารมณ์ การจัดวางดนตรีและเรื่องราวในเพลงของ The Darkest Romance เหมือนกับการวางพล็อตหนังที่มีการไล่อารมณ์ขึ้นไปเรื่อย ๆ มีหักมุม มีเซอร์ไพรซ์ มีการใส่ไคลแมกซ์ลงไปในบทเพลง ก่อนที่จะคลี่คลายลงมาอย่างสง่างาม

มาเริ่มการผจญภัยครั้งใหม่อันน่าตื่นใจไปกับบทเพลงของพวกเขากันเลยครับ

ความรับผิดชอบ (Responsibility)

เมทัลคอร์สุดเดือดที่คลอเคล้าไปด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ ระบายความอัดอั้นภายในใจที่ต้องจำทนทำไปในสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่ถูกสถานการณ์ชีวิตบังคับให้ต้องทำเพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้อง ‘รับผิดชอบ’ เป็นการตีความความหมายของการทำงานและความรับผิดชอบภาระชีวิตในมิติอันดิ้นรน ทุกทน และหน่วงหนัก เป็นมุมมองของคนที่ต้องทำงานเพราะภาระและความปรารถนาในชีวิตที่คอยผลักดันให้ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป เนื้อร้องของเพลงถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างเจ็บปวด ‘บอกตัวเองให้ทำไปแม้ว่ามันจะช้ำใจ ค่านิยมกรอกหูฉันให้ดิ้นรน กิเลสหนาผลักฉัน…’ ‘เริ่มไม่แน่ใจว่านี่คือควาย หรือนี่คือคน แต่กูต้องทน’

กลางเพลงมีท่อนเบรกด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์เท่ ๆ พร้อมเครื่องสาย ล่องลอย ลึกลับ และเบาสบายราวกับห้องหับอันอบอุ่น เป็นที่หลบพักชีวิตในยามวุ่นวาย ก่อนที่จะตามมาด้วยท่อนหลังที่เป็นอารมณ์ต่อเนื่อง เป็นภาพสะท้อนของห้วงความคิดที่มีต่อคนในครอบครัวและคนที่รักที่เราต้องดูแล ‘พ่อไม่ต้องห่วง แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวส่งเงินไป

อารมณ์ในท่อนนี้มีสัมผัสของความรักและความอาทร ดนตรีพาเราให้เข้าไปในจิตใจของคนที่ต้องสู้ทนเพื่อคนที่รัก ก่อนที่จะออกไปพบกับความวุ่นวายอันบ้าคลั่งในกระแสธารแห่งชีวิตต่อไป

‘ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน หรืออยู่ที่ใครไหวว้านแล้วทำได้เช่นกัน

ค่าของคนอยู่ที่ความต้องการ ฉันจึงต้องทำงานใช่ไหม’

‘ชีวิตฉันแท้จริงเป็นของใคร’

ความโดดเดี่ยว (Loneliness)

ก้าวสู่ความมืดมนอนธการ ดำดิ่งลงในความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอันมืดมนผ่านงานดนตรีที่มีความเข้มข้นและหม่นมืด ที่มีการไล่ระดับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เริ่มจากคนที่มีความโดดเดี่ยวแค่ร้องระบายภายในใจเงียบ ๆ คนเดียว งานดนตรีมีความงามแม้จะหม่นมืดแค่ไหนก็ตาม อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวด้วยรายละเอียดทางดนตรีที่มีช่องว่างก่อนที่อารมณ์ข้างในนั้นจะค่อย ๆ ปะทุขึ้นมาราวกับกองลาวาในภูเขาไฟที่กำลังเดือดระอุพร้อมปะทุทำลาย เสียงเครื่องสายอันงดงามถูกวางผสานลงไปในท่วงทำนองอันเร่าร้อนและกลองสองกระเดื่องที่รวดเร็วราวกระสุนปืนกลที่สาดระบายอารมณ์ระทมไปอย่างไม่มียั้ง

ในช่วงกลางเพลงเข้าสู่ท่อนเบรกดาวน์สุดดิ่ง ที่ส่งต่อไปยังห้วงอารมณ์สุดคลั่งในสไตล์เดธเมทัล สะท้อนความบ้าคลั่งภายในจิตใจของใครสักคนที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้มาเนิ่นนาน บทสนทนาภายในดำเนินต่อไปอย่างรวดร้าวก่อนที่เรื่องราวจะคลี่คลายผ่านท่วงทำนองของดนตรีร็อกอันเข้มข้นที่ผสานเครื่องสายได้อย่างงดงาม เป็นความบ้าคลั่งอันงามงดหมดจด ก่อนจะปิดตัวลงด้วยคลื่นเสียงสุดป่วนปั่นวางอารมณ์เราทิ้งไว้ในห้วงแห่งความสับสนไร้สิ้นสุด

ความรู้สึกผิด (Guilt)

‘ความรู้สึกผิด’ คือบทเพลงที่เป็นเสมือน คำขอโทษจากก้นบึ้งของหัวใจ กลั่นหยดน้ำตาแห่งความปวดร้าวออกมาพร้อมกับสำรอกความเจ็บช้ำที่ทิ่มตำหัวใจอยู่ทุกคืนวัน ท่วงทำนองจากบทเพลงถูกร้อยเรียงออกมาอย่างดีราวกับมหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมที่เรียงร้อยเรื่องราวอย่างลงตัวพร้อมเปิดม่านออกมาอย่างงดงาม ก่อนที่ตัวแสดงจะร่ายรำไปบนซากปรักหักพังของความสัมพันธ์ อันมีท่วงทำนองอันรุนแรงกระหน่ำแทงลงไปอย่างไม่ยั้ง โหมซัดความรวดร้าวลงไปให้หัวใจแตกสลาย ก่อนที่พายุแห่งอารมณ์จะคลายตัวลงมาสู่บทสรุปแสนเศร้าอันแฝงไว้ด้วยประกายแห่งความหวังอันงดงาม

ไลน์กีตาร์สวยงามคลอเคล้าเสียงประสานจากเครื่องสายระบายอารมณ์เจ็บปวด ช่วงคลั่งถูกระบายไว้ด้วยท่วงทำนองของแบล็กเมทัลอันหน่วงหนัก เรากับจิตใจอันดิ่งจมที่พยายามตะกายโผล่พ้นไปสู่เบื้องบนอันสดใสท่วงทำนองของดนตรีถูกเรียงร้อยมาเป็นอย่างดี ทุกองค์ประกอบจัดสรรมาอย่างลงตัวสมบูรณ์แบบดั่งคนรูปร่างดีที่ไม่มีไขมันส่วนเกิน  บทเพลงอันเป็นความเจ็บปวดอันบ้าคลั่งและแสนเศร้า คือ ความรวดร้าวหม่นมืดอันงดงามสมกับชื่อวง ‘The Darkest Romance’

ความรุนแรง (Violence)

เปิดมาด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์และดนตรีในสไตล์โพสต์-ฮาร์ดคอร์อันหน่วงหนักและเร่าร้อนรุนแรงสมกับชื่อเพลง ‘ความรุนแรง’ ที่พูดถึงความรุนแรงภายในจิตใจที่เป็นผลพวงของการถูกกระทำจากคนรอบข้าง กลายเป็นความเก็บกด กดดัน และแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงที่พร้อมระเบิดแผดเผาในที่สุด

‘ฉันกำลังกลายเป็นปีศาจ ฉันมองตาขวาง ฉันพร้อมจะจองเวร ดั่งไฟแผดเผาเอาให้ล้างบาง…’

‘คือผลพวงจากความรุนแรงที่ทุกคนประเคนใส่ มีแต่ตัวฉันที่โดนกระทำจากใครต่อใคร’

ท่อนกลางเพลงเบรกด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ชวนป่วนปั่น ก่อนที่จะไหลเข้าไปสู่ห้วงอารมณ์ของนูเมทัลเข้มข้นที่ผสมไว้ด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ ก่อนจะพาเราเข้าไปคลี่คลายมรสุมภายในใจด้วยท่อนเปียโนบรรเลงเดี่ยวสุดเศร้า ระบายความอัดอั้นภายในใจ ของคนที่เป็นเหยื่อของความรุนแรงที่ไม่ต้องการจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวังวนแห่งความโสมมนี้

‘ฉันไม่เคยอยากเป็นปีศาจ ฉันไม่ต้องการ…’

‘เพราะทุกคนต้องเอาตัวรอดจึงต้องใจร้าย’

ก่อนที่ในท่อนท้ายจะพาเราปลดปล่อยหัวใจอันรุ่มร้อนจากความรุนแรงด้วยท่วงทำนองที่สว่างสดใส เบาสบาย สะท้อนประกายแห่งความหวังในท้ายที่สุด.

‘ให้ความรุนแรงจบสิ้นเสียที ให้ความรุนแรงจบสิ้นเสียที’

ความเยาว์ (Youth)

‘ความเยาว์’ คือมหากาพย์แห่งเสียงดนตรีที่เริ่มต้นด้วยท่วงทำนองอันเรียบง่าย จริงใจ ที่ขับขานความกังขาในใจของมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดและเติบโตขึ้นมาบนโลกใบนี้และไม่รู้ว่าเราควรเดินไปบนเส้นทางไหนดี ป้ายบอกทางเท่าที่มีในชีวิตก็หาใช่จะบอกเราไปสู่ทางอันถูกควร นี่คือความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ร่วมกัน เพียงไม่กี่นาทีที่บทเพลงบรรเลงน้ำตาก็ซึมไหลออกมาราวกับว่าสิ่งที่เราได้ยินคือเสียงร่ำร้องภายในใจของเราเอง จากนั้นบทเพลงพาเราไปสู่ท่อนเชื่อมอันเปี่ยมไปด้วยความซีเนมาติกจากพลังของเครื่องสายที่แหวกว่ายลงไปในอารมณ์ของเรา จากนั้นท่วงทำนองของดนตรีค่อย ๆ ต่อเติมเสริมแต่งทบทวีเข้ามา ท่วงทำนองในรอบแรกที่เราได้ฟังถูกเพิ่มปริมาณความเข้มข้นด้วยท่วงทำนองของดนตรีร็อกอันหนักหน่วงโหมกระหน่ำถาโถม

ทั้งหมดถูกถักทอด้วยอะคูสติกกีตาร์ เครื่องสาย ที่บรรจงวางไว้อย่างปราณีตเป็นตัวเดินเรื่อง ก่อนที่จะใช้ซาวด์ประกอบต่าง ๆ สื่ออย่างมีนัยสำคัญเพื่อเชื่อมต่อไปยังครึ่งหลังของเพลงที่โหมกันเต็มกำลังพร้อมการแผดเสียงร้องที่ระบายทุกอย่างออกจนหมดสิ้น สิ่งที่เราได้ยินคือจังหวะในหัวใจที่มาพร้อมกับคำถามก้องภายใน เมื่อทุกสิ่งได้มากองรวมกันนั่นคือแรงปะทุอันยิ่งใหญ่และมันได้ระเบิดออกมาเราเมื่อเราได้ฟังบทเพลงนี้

https://www.youtube.com/watch?v=Sf5mV6KYSss

นี่คือมหากาพย์ทางดนตรีกับการเดินทางผ่าน 5 บทเพลง 50 นาทีที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ได้ใช้ชีวิตดำดิ่งลงไปในเรื่องราวของตัวละครในบทเพลง แหวกว่ายลงไปในท่วงทำนองอันงดงามและเร่าร้อน ก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่ามีหยดน้ำตาบาง ๆ พลางรู้สึกว่าเรื่องราวที่ประสบพบมานั้นมีร่องรอยความทรงจำของตัวเราเองผสมอยู่ นี่คือประสบการณ์ทางดนตรีที่มีค่าต่อการใช้เวลาเพื่อเสพสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง

หากใครติดใจอยากไปชมไปฟัง The Darkest Romance เล่นกันสด ๆ อย่าพลาดงานคอนเสิร์ต Spread The “WORDS” ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ณ Spectrum Hall, ช่างชุ่ย พร้อมศิลปินรับเชิญสายเดือด ! Sleeping Sheep, Ugoslabier, Last Dream และ The Rocket Whale

ฟังผลงานของ The Darkest Romance และอัลบั้ม ‘Words’ เตรียมพร้อมไว้แล้วไปมันส์กันต่อในงานได้เลยครับ !!

‘Words’

Apple Music

Spotify

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส