สถานการณ์สงครามการแบ่งแยกดินแดนของประเทศรัสเซีย และประเทศยูเครนดำเนินมาได้เกือบ 1 สัปดาห์แล้ว ในขณะที่รัสเซียยังคงไม่ลดละการใช้ปฏิบัติการทางทหาร ชาวยูเครนเองก็เลือกที่จะต่อสู้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ลูกเรือวัยกลางคนชาวยูเครนคนหนึ่งก็ขอมีส่วนร่วมในการประท้วงด้วย แต่วิธีการของเขาไม่ธรรมดา เพราะเขาตัดสินใจจมเรือยอชต์สุดหรูหรา ล่มกลางทะเลเมติเตอเรเนียน เพราะว่าเจ้านายของเขา และเจ้าของเรือ ดันเป็น CEO บริษัทค้าอาวุธเจ้าใหญ่ของรัสเซีย !

รัสเซีย ยูเครน
เรือ ‘เลดี อนาสตาเชีย’

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่า มีเรือยอชต์ลำใหญ่ลำหนึ่งล่มลง ณ บริเวณเกาะมายอร์กา (Majorca) เกาะในประเทศสเปนที่ตั้งอยู่ในเขตทะเลเมดิเตอเรเนียน ประเทศสเปน เรือลำนี้มีชื่อว่า ‘เลดี อนาสตาเชีย’ (Lady Anastasia) เป็นเรือยอชต์สุดหรูหราที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีความยาวมากถึง 47.5 เมตร มูลค่าประมาณ 7 ล้านยูโร หรือประมาณ 253 ล้านบาท ซึ่งมีมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ‘มิคีฟ อเล็กซานเดอร์ อเล็กซันโดรวิช’ (Mikheev Alexander Alexandrovich) เป็นเจ้าของ

รัสเซีย ยูเครน
‘ตาราส ออสตาปชุก’ (Taras Ostapchuk) หัวหน้าวิศวกรเครื่องกลเรือ ‘เลดี อนาสตาเชีย’

ซึ่งสาเหตุของการล่มนี้ ไม่ได้มาจากอุบัติเหตุ แต่เป็นความตั้งใจของชายชาวยูเครนที่ชื่อว่า ‘ตาราส ออสตาปชัก’ (Taras Ostapchuk) วัย 55 ปี ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น เขาเป็นลูกเรือที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวิศวกรเครื่องกลบนเรือยอชต์ลำนี้มานานกว่า 10 ปีแล้วนั่นเอง

ส่วนสาเหตุของการล่มเรือครั้งนี้ ก็เป็นไปเพื่อประท้วงการทำสงครามรุกรานประเทศยูเครน และเพื่อประท้วงเจ้านาย เพราะมีคีฟ อเล็กซานเดอร์คนนี้นี่แหละ คือเจ้าของบริษัทอาวุธ ‘เจเอสซี โรโซโบรอนเอ็กซ์ปอร์ต’ (JSC Rosoboronexport) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่หนึ่งเดียวของรัสเซีย ที่ขายอาวุธเพื่อสนับสนุนการรุกรานยูเครน

รัสเซีย ยูเครน
การตกแต่งภายในเรือ ‘เลดี อนาสตาเชีย’

ภายหลังการจับกุม นายตาราสได้เปิดเผยรายละเอียดการล่มเรือนี้ต่อศาลว่า สิ่งที่เป็นมูลเหตุจูงใจให้เขาต้องจมเรือลำนี้ก็เพราะว่าเขาได้ดูข่าวการบุกยูเครนของรัสเซีย ซึ่งมีคลิปเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียกำลังโจมตีอาคารอพาร์ตเมนต์ในกรุงเคียฟ (Kiev) ประเทศยูเครน ซึ่งคล้ายกับพื้นที่ที่ครอบครัวที่เขาอาศัยอยู่ แถมเขายังเห็นอาวุธยุธโธปกรณ์ที่ทหารรัสเซียใช้ ซึ่งตรงกับบริษัทอาวุธของเจ้านาย และเจ้าของเรือยอชต์ลำนี้นี่เอง

ด้วยความโกรธเกรี้ยว 2 ชั่วโมงต่อมา ช่วงเที่ยงวันของวันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ เขาจึงตัดสินใจที่จะล่มเรือลำนี้ ซึ่งเทียบท่าอยู่ ณ ท่าเรืออาดริอาโน (Port Adriano) บนเกาะมายอร์กาเพื่อเป็นการประท้วง เขาเดินขึ้นไปบนเรือ พร้อมกับสั่งให้ลูกเรือ 3 คนสละเรือ และเดินเข้าไปเปิดวาล์วปล่อยน้ำที่อยู่ในห้องเครื่อง และวาล์วอีกตำแหน่งที่อยู่ในห้องพักของลูกเรือ เพื่อปล่อยให้น้ำเข้ามาในเรืออย่างช้า ๆ

ลูกเรือทั้งสามที่อยู่ในเหตุการณ์คิดว่าเขาบ้าหรือเปล่า จึงได้ตะโกนห้าม แต่เขาได้สวนกลับว่า พวกเขาก็เป็นชาวยูเครน และบ้านเกิดของพวกเขากำลังจะถูกโจมตี เขาจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้ เขาไม่ต้องการทำร้ายใคร ขอให้หนีลงไปจากเรือโดยด่วน และไม่ต้องกลัว เขาจะเป็นผู้รับผิดเพียงผู้เดียว

รัสเซีย ยูเครน
เรือ ‘เลดี อนาสตาเชีย’

ยังดีหน่อยที่เขาตัดสินใจปิดวาล์วน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำมันรั่วไหลลงไปในทะเลจนเกิดมลพิษ ผลก็คือเรือ ‘เลดี อนาสตาเชีย’ จมลงไปในน้ำบางส่วน ในขณะที่บางส่วนยังลอยน้ำเพราะถูกผูกติดอยู่กับท่าจอดเรือ ส่วนตาราสที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ เรือ จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวเขาไปแต่โดยดี

โดยเขายังได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในระหว่างควบคุมตัวว่า เจ้านายของเขาคือ “อาชญากรผู้ขายอาวุธเลี้ยงชีพ และอาวุธนั้นก็กำลังคร่าชีวิตชาวยูเครน” ส่วนตัวเรือยอชต์ที่จมลงไป มีรายงานว่าเกิดความเสียหายมากพอสมควร โดยเฉพาะบริเวณห้องเครื่อง

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ เขาเองได้ขึ้นให้ปากคำต่อศาล โดยเขาเองเผยว่า เขาไม่ต้องการขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป และไม่รู้สึกเสียใจในการกระทำครั้งนี้ หากเป็นไปได้ เขาก็จะทำอีกครั้ง เพราะเขามองว่า เจ้านายของเขา และอาวุธที่ผลิต มีส่วนทำให้กองกำลังรัสเซียโจมตีผู้บริสุทธิ์ในยูเครน

‘นีอัส กาญญาเลส นิโกเลา’ (Neus Canyelles Nicolau) ทนายความของตาราส ได้กล่าวถึงลูกความของเธอต่อสื่อว่า เขารู้สึกสิ้นหวังเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศบ้านเกิดของเขา และเขายินดีที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำทุกอย่าง และกล่าวเสริมว่า เขาไม่ใช่อาชญากร แต่เจ้าของเรือต่างหากที่เป็นอาชญากรที่โจมตีผู้บริสุทธิ์

รัสเซีย ยูเครน
เรือ ‘เลดี อนาสตาเชีย’

แต่ในที่สุด ตาราสก็ได้รับการปล่อยตัว เพราะศาลตัดสินว่า การกระทำผิดของเขาเป็นเพียงการสร้างความเสียหายต่อวัตถุทรัพย์สิน โดยไม่ได้มีเจตนาสร้างความเดือดร้อนต่อบุคคล และไม่ใช่การกระทำอันเนื่องจากเรื่องส่วนตัว ซึ่งหลังจากได้รับการปล่อยตัวแล้ว ในวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ ตาราสก็เดินทางกลับไปยังประเทศยูเครนโดยทันที โดยเขาได้เผยกับสื่อว่า เขาตั้งใจจะเดินทางไปยังกรุงเคียฟ และเข้าร่วมกับกองกำลังของยูเครน เพื่อทำหน้าที่ปกป้องประเทศต่อไป

“ผมจะไม่ยอมสูญเสียประเทศของผมไปเป็นอันขาด ผมไม่ได้อยากจะเป็นฮีโรอะไรหรอก ผมเป็นแค่คนแก่ ๆ คนหนึ่งที่มีหน้าที่การงานที่ค่อนข้างจะดี มีประสบการณ์เป็นวิศวกรบนเรือมานาน ผมไม่เคยจับปืนมาก่อน แต่ถ้าจำเป็น ผมก็ยอมทำ”

“ผมบอกกับตัวเองว่า หากผมไม่มีประเทศอยู่ การงานก็คงยังไม่จำเป็นในตอนนี้หรอก”

รัสเซีย ยูเครน
‘มิคีฟ อเล็กซานเดอร์ อเล็กซันโดรวิช’ (Mikheev Alexander Alexandrovich) CEO บริษัทผลิตอาวุธยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ‘JSC Rosoboronexport’ และเจ้าของเรือยอร์ช ‘เลดี อนาสตาเชีย’

‘มิคีฟ อเล็กซานเดอร์ อเล็กซันโดรวิช’ (Mikheev Alexander Alexandrovich) วัย 61 ปี สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรมการบิน จากสถาบันวิศวกรรมการบินพลเรือนแห่งมอสโก และสำเร็จปริญญาโทจากสถาบันการทหารของเสนาธิการกองทัพรัสเซีย และยังสำเร็จการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ และเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด หรือ CEO ของ เจเอสซี โรโซโบรอนเอ็กซ์ปอร์ต (JSC Rosoboronexport) เมื่อปี 2017

โรโซโบรอนเอ็กซ์ปอร์ต‘ (AO Рособоронэкспорт) เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นโดยกฤษฎีกาของประธานาธิบดีรัสเซีย และมีหน่วยงานรัฐเป็นเจ้าของ เป็นหน่วยงานรัฐทีี่ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานพัฒนา ผลิต นำเข้า และส่งออกสินค้ายุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีทางการทหารที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศแต่เพียงผู้เดียว โดยมีประธานาธิบดีและรัฐบาลเป็นผู้ควบคุมสูงสุด ปัจจุบันหน่วยงานถูกจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน และเป็นหน่วยงานที่ส่งออกอาวุธระหว่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา



อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส