อย่างที่ทราบกันดี อาชีพในวงการบันเทิงไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง พิธีกร รวมไปถึงนักกีฬาก็ล้วนเป็นงานที่มีรายได้สูง มีรายรับเป็นเป็นกำ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นดาวค้างฟ้า มีงานไปจนแก่ นักกีฬานี่ก็ด้วยขึ้นวัย 30 ก็ต้องเตรียมลาวงการแล้ว เขาเหล่านี้รู้สัจธรรมข้อนี้กันดี จึงต่อยอดด้วยการนำเงินไปลุงทุนทำธุรกิจกันต่าง ๆ นานาเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและเป็นแหล่งรายรับในวันที่ชื่อเสียงเสื่อมความนิยมในวงการไปแล้ว มาดูกันสิว่า บรรดาคนดังที่เรารู้จักกันนั้น คนไหนเป็นประธานบริษัทอะไรกันบ้าง

บียอนเซ่ โนวส์ (Beyonce)

ซูเปอร์สตาร์ค้างฟ้าของวงการเพลง วัย 40 ปีผู้นี้ มีรายรับล่าสุดโดยประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อ้างอิงจาก Forbes ด้วยจำนวนเงินในบัญชีมหาศาลขนาดนี้ ปี 2016 เธอควักเงินลงทุนไปในบริษัท WTRMLN WTR ผู้คิดค้นทำน้ำแตงโมสกัดเย็น ที่ผู้ผลิตคิดค้นอ้างว่าเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ตัวบียอนเซนั่นให้เหตุผลว่าที่เธอเลือกลงทุนในบริษัทนี้ก็เพราะแนวทางของบริษัทที่ตั้งใจผลิต เครื่องดื่มที่สะอาดและเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้เธอยังร่วมมือกับ Adidas ออกไลน์เสื้อผ้าใหม่ในชื่อแบรนด์ว่า Ivy Park เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังลงทุนในธุรกิจใหม่ Tech Startup ผู้ผลิตแอปพลิเคชัน Sidestep เป็นแอปขายตั๋วคอนเสิร์ตและของที่ระลึกล่วงหน้า

มาร์ก และ ดอนนี่ วาห์ลเบิร์ก (Mark and Donnie Wahlberg)


มาร์ก วาห์ลเบิร์ก นักแสดงสายแอ็กชันแถวหน้าของฮอลลีวูด และพี่ชาย ดอนนี่ วาห์ลเบิร์ก อดีตสมาชิกบอยแบนด์ New Kids on The Block ได้ร่วมกันเปิดแฟรนไชส์ขายเบอร์เกอร์ในชื่อ Wahlburgers ที่เอานามสกุลตัวเองมาผสมกับคำว่า Burger และให้พี่ชายอีกคน พอล วาห์ลเบิร์ก เป็นเชฟประจำร้าน (มาร์กเป็นน้องคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 9 คน) เดิมทีพี่น้องวาห์ลเบิร์กตั้งใจจะทำเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ในแมสซาชูเซ็ตต์ แต่ร้านกลับได้รับความนิยมเกินคาด ปัจจุบัน Wahlburgers ขยายไปแล้ว 29 สาขาทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในปี 2019 ข้ามไปเปิดภัตตาคารในกรุงลอนดอนด้วย แต่เจอพิษโควิดเข้าเลยต้องปิดร้านไปในเดือนมิถุนายน 2020

ซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon)

นักแสดงหญิงมากฝีมือ วัย 75 ปี ดีกรี 1 ออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงจาก Dead Man Walking (1995) มีไอเดียธุรกิจที่ไม่ซ้ำใคร เพราะเธอเปิดคลับโต๊ะปิงปอง SPiN มีเสียงลือกันว่าคลับปิงปองของเธอนั้น มักมีคนดังแวะเวียนมาเล่นกันเป็นประจำ ปัจจุบันนี้ SPiN มี 7 สาขากระจายอยู่ทั่วสหรัฐฯ และแคนาดา และกำลังทยอยขยายสาขาอีก เหตุหนึ่งที่ SPiN ประสบความสำเร็จก็เพราะการตกแต่งในสไตล์ย้อนยุค และมีค็อกเทลหลากหลายรสชาติให้ลิ้มลอง

ดรูว์ แบร์รี่มอร์ (Drew Barrymore)


ดรูว์ แบร์รี่มอร์ เปิดแบรนด์เครื่องสำอางของเธอเองในชื่อ Flower เริ่มวางจำหน่ายใน Walmart ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา จุดขายที่แบร์รี่มอร์บอกก็คือ ใช้ส่วนผสมเหมือนกับเครื่องสำอางแบรนด์หรูทั้งหลาย แต่ที่เธอทำได้ในราคาที่ถูกกว่าเพราะไม่ใช้งบโฆษณา ตอนนี้แบรนด์ Flower เริ่มส่งออกไปขายหลายประเทศแล้วเช่น อังกฤษ, เม็กซิโก, อินเดีย, จีน และออสเตรเลีย ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญประเมินแบรนด์ Flower ว่ามีมูลค่าสูงถึง 125 ล้านเหรียญแล้ว

จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney)


รายนี้ต้องใช้คำว่าอดีตประธานบริษัท เพราะจอร์จ คลูนีย์ กับคู่หู แรนเด เกอร์เบอร์ (Rande Gerber) และ ไมค์ เมลด์แมน (Mike Meldman) ทั้งสามคนนี้ร่วมทุนกันก่อตั้งแบรนด์เหล้าเตกิล่า Casamigos ผ่านไปเพียงแค่ 4 ปี Diageo ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มก็มาขอซื้อ Casamigos ในมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญ โดยจะจ่ายให้ก่อนเลยที่ 700 ล้านเหรียญ แล้วที่เหลืออีก 300 ล้านเหรียญ จะทยอยจ่ายตามมาในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแบรนด์ว่าจะทำตลาดได้ดีเพียงใด

มาเรีย ชาราโปวา (Maria Sharapova)


อดีตนักเทนนิสหญิงมือวางอันดับ 1 ของโลก วัย 34 ปี ผู้นี้หลังจากประกาศวางมือไปเมื่อปีที่แล้ว เธอก็ได้วางรากฐานชีวิตของตัวเองไว้มั่นคงเรียบร้อยแล้ว ชาราโปวาควักเงินทุน 500,000 เหรียญมาเปิดบริษัทผลิตขนมหวานในชื่อแบรนด์ Sugarpova ไว้ตั้งแต่ปี 2012 แล้ว ผลคือสินค้าของเธอฮิตระเบิดระเบ้อ ส่งออกไปขายได้ถึง 22 ประเทศ Forbes ประเมินบริษัทของเธอในปี 2018 ว่ามีมูลค่าสูงถึง 195 ล้านเหรียญ

โอปรา วินฟรีย์ (Oprah Winfrey)


เจ้าแม่ทอล์กโชว์วัย 67 ปีผู้นี้ หลังจากทำหน้าที่พิธีกรมายาวนานถึง 25 ปี 1986 – 2011 ปัจจุบันเธอมีทรัพย์สินส่วนตัวมหาศาลถึง 2,600 ล้านเหรียญ หลังวางมือจากหน้าที่พิธีกร เธอก็ควักกระเป๋าเปิดช่องเคเบิลเน็ตเวิร์กของตัวเองในชื่อ OWN ซึ่งเธอถือหุ้นใหญ่ไว้ที่ 25.5% มีมูลค่าประมาณ 75 ล้านเหรียญ เธอยังลงทุนอีก 8% ในบริษัทผลิตรายการทีวี Weight Watchers ที่ผลิตรายการฮิตอย่างเช่น Dr. Phil และ The Rachael Ray Show ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ชื่อ Oxygen Media อีกด้วย

โรเบิร์ต เดอนีโร (Robert Deniro)


นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 78 ปีผู้นี้ แม้เขาจะยังไม่เกษียณจากงานแสดง แต่เดอนีโรก็มีธุรกิจส่วนตัวที่มั่นคงมานานแล้ว เดอนีโรเลือกที่จะทำธุรกิจร้านอาหารตามความชอบส่วนตัว เขาเริ่มเปิดแฟรนไชส์ร้านอาหารในชื่อ Nobu มาตั้งแต่ปี 1994 ปัจจุบันมีมากถึง 39 สาขา ไม่เพียงแค่นั้นเขายังต่อยอดด้วยการเปิดร้านอาหารอิตาเลียนอีกหลายร้านด้วย ร้านที่ดังที่สุดชื่อ Locanda Verde อยู่ในนิวยอร์ก ในปี 2014 เดอนีโรร่วมก่อตั้งแบรนด์วอดก้าในชื่อ VDKA 6100 ยัง ยังไม่หมด เขายังเป็นเจ้าของโรงแรมหรูอีก 8 แห่ง ที่กระจายอยู่ทั้ง 5 ทวีปทั่วโลก

เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner)


มาถึงพ่อหนุ่ม Hawkeye แห่งจักรวาลมาร์เวลคนนี้ เขาร่วมลงทุนกับเพื่อนสนิท คริสโตเฟอร์ วินเทอร์ (Kristoffer Winters) เปิดบริษัทชื่อ Secret Passion ทำธุรกิจ House Flipping คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วรีบปล่อยขายต่อในระยะสั้น เรนเนอร์ทำธุรกิจนี้มา 15 ปีแล้ว ขายบ้านไปได้แล้ว 20 หลัง ซึ่งแต่ละหลังก็ทำกำไรให้เขาอย่างงาม ยกตัวอย่างเช่นบ้านตกแต่งสไตล์ อาร์ต เดโค หลังหนึ่ง ที่เขาซื้อมาในราคา 7 ล้านเหรียญเมื่อปี 2007 สามารถขายได้ในราคา 24 ล้านเหรียญในปี 2013

วีนัส วิลเลียมส์ (Venus Williams)


มาถึงราชินีนักเทนนิสหญิงอีกคนหนึ่ง วีนัส วิลเลียมส์ ในวัย 41 ปี แม้เธอยังไม่ประกาศวางมือจากแร็กเก็ต แต่วันนี้เธอก็มีธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างและไปได้ดีด้วย ในปี 2002 วิลเลียมส์ เปิด V Starr Interiors บริษัทรับออกแบบภายใน ซึ่งได้งานแพง ๆ มาเชิดหน้าชูตาให้บริษัทได้มากมาย และลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอก็เป็นซูเปอร์สตาร์ในแวดวงกีฬาที่ใช้บริการของเธอ อย่างเช่นนักกีฬาจาก NFL และ NBA ที่มาจ้างเธอออกแบบภายในให้คฤหาสน์มูลค่าหลายล้านเหรียญ เธอยังได้งานออกแบบห้องเพรสซิเดนเทียล ซูท ให้กับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในไมอามีด้วย นอกจากนั้นวิลเลียมส์ยังเปิดแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาของตัวเองในชื่อ Eleven

มาดอนนา (Madonna)

ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล ในวัย 63 ปี เธอมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ที่ 550 ล้านเหรียญ เธอเป็นคุณแม่ที่น่ารักด้วยการทำงานร่วมกับ Lourdes ลูกสาวของเธอเอง เปิดแบรนด์เครื่องสำอางในชื่อ ‘Material Girl’ในปี 2010 ซึ่งจะวางจำหน่ายเฉพาะในห้าง Macy’s เท่านั้น แบรนด์นี้เธอทำกับลูกสาว ปี 2017 เธอเปิดแบรนด์ใหม่ของเธอเองอีกในชื่อ MDNA SKIN แต่แบรนด์นี้เลือกเจาะตลาดบนเป็นหลัก เพราะสินค้าแต่ละชิ้นแพงระยับ อย่างเชนโคลนพอกหน้าก็กระปุกละ 600 เหรียญ ส่วนคลีนเซอร์ก็ 50 เหรียญ สินค้าทุกชิ้นของเธอมาในกล่องที่ดีไซน์สุดหรูดูสมกับมูลค่า

แอชตัน คุตเชอร์ (Ashton Kutcher)


อดีตพระเอกที่หายหน้าจากวงการมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวแล้วประสบความสำเร็จอย่างดีเสียด้วย คุตเชอร์ จับมือกับ กาย โอเซียรี (Guy Oseary)ผู้จัดการในวงการบันเทิง ในปี 2010 ทั้งคู่เปิดบริษัทบริหารจัดการเงินลงทุนในชื่อ A-Grade Investments ด้วยวิสัยทัศน์อันน่ายกย่อง ทั้งคู่เลือกลงทุนในธุรกิจหน้าใหม่อย่างเช่น Uber, Spotify, Warby Parker ซึ่งก็ล้วนแต่ประสบความสำเร็จ ทำให้เงินทุนที่ใช้เปิดบริษัทจำนวน 30 ล้านเหรียญ กลายเป็น 250 ล้านเหรียญในเวลาเพียงแค่ 6 ปี

กวินเน็ต พัลโธรวส์ (Gwyneth Paltrow)


เป็นนักแสดงอีกคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในธุรกิจ พัลโธรวส์เปิดแบรนด์ Goop ของเธอเองในปี 2008 โดยทีแรกนั้นเธอเริ่มต้นธุรกิจด้วยการส่งข่าวสารทางสุขภาพให้กับผู้สนใจทางอีเมล แล้วก็ค่อย ๆ ผลิดสินค้าเพื่อสุขภาพในแบรนด์ของตัวเองออกมา สินค้าที่สร้างชื่อเสียงจนเป็นข่าวโจษจันไปทั่วก็อย่างเช่นเทียนหอม ‘This Smells Like My Vagina’ ก็ทำยอดขายได้ดีมาก ปัจจุบันแบรนด์ Goop มีมูลค่าสูงถึง 250 ล้านเหรียญ Netflix ถึงกับชวนเธอไปทำรายการสารคดี The Goop Lab ออกสตรีมมิงไปเมื่อเดือนมกราคม 2020

ริฮานนา (Rihanna)


ปี 2019 Forbes ประกาศว่าเธอคือศิลปินเพลงหญิงที่รวยที่สุดในโลก เธอมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ที่ 600 ล้านเหรียญ ปี 2018 เธอเข้าร่วมกับ LVMH ยักษ์ใหญ่เจ้าของสินค้าแบรนด์หรูระดับโลก ด้วยการออกเครื่องสำอางในชื่อแบรนด์ Fenty Beauty ประสบความสำเร็จเกินคาด ในปีเดียวนั้นขายได้มากถึง 570 ล้านเหรียญ ในปี 2020 เธอออกไลน์สินค้าย่อยอีกในชื่อ Fenty Skin, ในปี 2019 เธอได้ต่อยอดความสำเร็จกับ LMVH ด้วยการออกแบรนด์ชุดชั้นใน Savage x Fenty ทำให้เธอเป็นหญิงผิวดำคนแรกที่ LMVH ยอมลงทุนด้วยโดยใช้ชื่อของเธอเป็นจุดขาย แต่แบรนด์ชุดชั้นในของเธอก็ปิดตัวลงในเวลาเพียงแค่ 2 ปี เหตุเพราะราคาที่สูงเกินกว่ากลุ่มแฟนคลับของเธอจะซื้อไหว

ไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds)


นักแสดงผู้มีภาพลักษณ์เป็นหนุ่มอารมณ์ดี เลือกลงทุนในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อีกคน เหมือนจะเดินตามเส้นทางของ จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงรุ่นพี่เลยก็ว่าได้ เพราะในปี 2018 เขาเลือกลงทุนเปิดแบรนด์ ‘Aviation’ จินสัญชาติอเมริกัน แล้วเร็ว ๆ นี้ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เจ้าเดิม Diageo ที่เคยซื้อบริษัทของจอร์จ คลูนีย์ มาแล้ว ก็ซื้อ Aviation ในราคา 610 ล้านเหรียญ โดยจ่ายก่อนทันที 335 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลืออีก 275 ล้านเหรียญ จะจ่ายตามมาในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับศักยภาพของแบรนด์ว่าจะไปได้ดีขนาดไหน โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า เรย์โนลด์จะยังคงสถานะเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ต่อไปอีก 10 ปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรย์โนลด์ ควักกระเป๋าไป 2.5 ล้านเหรียญ ซื้อทีมฟุตบอลเวลช์ Wrexham ด้วยจุดประสงค์ที่จะทำสารคดีเกี่ยวกับทีมฟุตบอลนี้เพื่อสตรีมมิงทาง Netflix

อ้างอิง