[รีวิวซีรีส์] Stranger Things 4 Vol. 2 – อารมณ์ท่วมท้น ชงเข้มข้นสู่ซีซันหน้า

Our score

7.5

Release Date

01/07/2022

Genre

Sci-Fi Fantasy

Episodes

2 Episodes

Director

The Duffer Brothers

Casts

Millie Bobby Brown Sadie Sink Gaten Matarazzo David Harbour Winona Ryder

Our score

7.5

[รีวิวซีรีส์] Stranger Things 4 Vol. 2 – อารมณ์ท่วมท้น ชงเข้มข้นสู่ซีซันหน้า

จุดเด่น

1. จบซีซันได้อย่างสมศักดิศรี ไม่มีจุดให้ผิดหวัง
2. มีเหตุการณ์สะเทือนใจที่ช่วยให้ซีรีส์ถูกพูดถึงในแง่ดรามาได้ดี
3. ฉากแอ็กชันจัดเต็ม คุ้มเวลาในการดูแน่นอน

จุดสังเกต

1. ตั้งแต่กลางเรื่องไปจนถึงจบของตอนที่ 9 มีส่วนที่ย้วยอยู่บ้าง

• การแสดง

  7.0

• โปรดักชัน

  8.0

• บทหนัง

  7.1

• ความบันเทิง

  7.5

• คุ้มเวลาในการชม

  7.7

หลังจากปล่อยคนดูไว้กับ 3 เส้นเรื่องที่ปูไว้ใน Vol. 1 ของ ‘Stranger Things 4’ ก็ถึงคราวที่เราจะมาลุ้นกันต่อทั้งทีม ฮอว์กินส์ ทีมแคลิฟอร์เนียและทีมรัสเซียว่าจะสามารถต่อกรกับเวคนาได้หรือไม่ ซึ่งแม้จะมีแค่ 2 ตอนแต่บอกเลยว่าเวลาเกือบ 4 ชั่วโมงหมดไปอย่างรวดเร็วมาก ๆ เลยล่ะ

เริ่มกันที่ทีมฮอว์กินส์ ที่ดูเหมือนพวกเขาจะสามารถคิดแผนในการกำจัดอสูรร้ายอย่าง เวคน่า ด้วยปฏิบัติการณ์สุดบ้าระห่ำนำโดย แนนซี (นาตาลี ไดเออร์ Natalie Dyer) ดัสติน (กาเทน มาทาร์ราซโซ Gaten Matarazzo) สตีฟ (โจ คีรี Joe Keery) ลูคัส (เคเล็บ แมคลาฟลิน Caleb McLaughlin) และ แม็กซ์ (เซดี ซิงค์ Sadie Sink) แต่ติดปัญหาเดียวคือแผนนี้แม็กซ์ต้องกลายเป็นเหยื่อล่อจำเป็นในภารกิจอ้นตรายเกินคาดเดา

ด้านทีมแคลิฟอร์เนีย ไมค์ (ฟินน์ วูลฟ์ฮาร์ด Finn Wolfhard)  วิล (โนอาห์ ชแนป Noah Schanapp) และ โจนาธาน (ชาร์ลี ฮีตัน Charlie Heaton) ต้องออกเดินทางตามหา แอล (มิลลี บอบบี บราวน์ Millie Bobby Brown) ที่ถูกองค์กรลับจับตัวไปก่อนจะสายเกินไป และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือทีมรัสเซียที่แผนแหกคุกหนีเหล่าสัตว์ประหลาดของ จิม ฮอปเปอร์ (เดวิด ฮาร์เบอร์ David Harbour) จอยซ์ (วิโนนา ไรเดอร์ Winona Ryder) และเมอร์เรย์ โบว์แมน (เบรท เจลแมน Brett Gelman) ก็ต้องดำเนินต่อท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

อย่างที่ได้เกริ่นไว้สำหรับ Vol.2 ของ ‘Stranger Things 4’ จะมีจำนวนตอนเพียง 2 ตอนเท่านั้น จนอาจเรียกได้ว่าเหมือนหนังยาว 2 เรื่องมาเรียงต่อกันเสียมากกว่าโดยตอน 8 ที่มีชื่อว่า ‘Papa’ จะมีความยาวที่ 1 ชั่วโมง 25 นาที และตอน 9 ที่ใช้ชื่อตอนว่า ‘The Piggyback’ จะมีความยาวที่ 2 ชั่วโมง 19 นาที แต่หากจะถามความเห็นส่วนตัวแล้ว ตอนที่ 8 จะดำเนินเรื่องได้กระชับกว่าตอน 9 ด้วยความยาวของซีรีส์ที่สั้นกว่าและการวางจังหวะฉากเหตุการณ์ต่าง ๆ กำลังพอดีมาก ๆ แต่ที่ต้องชื่นชมที่สุดก็คือซีรีส์ใน 2 ตอนนี้คือการแสดงศักยภาพของนักแสดงที่แท้จริงโดยเฉพาะ โนอาห์ ชแนป หรือ วิล ที่เคยเปรยความรู้สึกของเขาต่อไมค์ใน Vol.1 มาบ้างแล้ว

โดยในซีรีส์ตอน 8 คงไม่มีฉากไหนใจสลายเท่ากับการต้องร่วมทางกันระหว่าง ไมค์ ที่มีจุดหมายเดียวคือการไถ่บาปต่อแอลที่เขาไม่เคยเผยความรู้สึกที่แท้จริง โดยไม่รู้เลยว่าวิลมีใจให้เขาอยู่ห่าง ๆ และเป็นฉากอ่านแผนที่สกิลถนัดของวิล นี่เองที่กลายเป็นฉากที่ทำเอาคนดูใจเหลวเป๋วที่สุด เมื่อการช่วยเหลือเพื่อนที่แอบรักทำให้น้องวิลต้องแอบร้องไห้กับกระจกรถ ที่ชแนปสามารถถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาได้น่าเชื่อถือจนน่าจับตาก้าวต่อไปของนักแสดงคุณภาพคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ที่สำคัญมันยังเป็นการปูอารมณ์และเงื่อนไขที่จะทำให้วิลกลายเป็นตัวแปรสำคัญของเหตุการณ์ต่อไป เพราะเขาก็คือหนึ่งในคนที่เคยไปเยือนโลกกลับด้านมาก่อน อีกคู่หนึ่งที่น่าจะได้ใจสายหวานไปไม่น้อยก็คือ ลูคัส และ แม็กซ์ ที่ได้เคเล็บ แมคลาฟลิน ที่กลายเป็นหนุ่มหล่อมาดนักกีฬามาประกบคู่กับ เซดี ซิงค์ ที่เติบโตเป็นสาวสวย จนลุคเด็กกะโปโลก็ไม่อาจบดบังเสน่ห์ของเธอได้อีก ที่คราวนี้มันมาผลกับเรื่องราวมากขึ้นและเราก็อดลุ้นตามภารกิจกำจัดเวคน่าของทั้งคู่ที่มีชีวิตแม็กซ์เป็นเดิมพันไม่ได้เลย

กล่าวถึงในภาพรวมแล้ว Vol.2 ของซีซันนี้เหมือนทำมาเพื่อปิดจ็อบซีซันนี้และเชื่อมสะพานไปสู่ซีซันจบได้เป็นอย่างดี ฉากแฟนตาซีสยองต่าง ๆ อาจยังโหดสู้ Vol. 1 ไม่ได้แต่ก็ทดแทนด้วยซีนดราม่ากับอารมณ์โรแมนติกที่เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และแม้จะต้องยอมรับว่าในช่วงกลางถึงท้ายของตอนที่ 9 จะมีส่วนที่ดูเยิ่นเย้อไปบ้างแต่การปิดท้ายด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ทำเอาความรู้สึกคนดูแทบจะเป็นไบโพลาร์ก็ทำให้ ‘Stranger Things4’ จบซีซันได้อย่างสวยงาม แต่จะมีหงุดหงิดก็ตรงที่เราต้องรอซีซัน 5 กันข้ามปีอีกแล้วนี่แหละ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส