บาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธ (Gabriele Amorth 1925-2016) เป็นพระในนิกายคาทอลิกผู้เชี่ยวชาญในการทำพิธีขับไล่ภูติ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคปัจจุบัน ตามบันทึกของอามอร์ธ ท่านได้ทำการไล่ผีมาแล้วกว่า 60,000 ครั้ง ในระหว่างที่ปฏิบัติศาสนกิจ และเป็นผู้จุดประกายพิธีการไล่ผีในนิกายโรมันคาทอลิกให้ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง

กาเบรียล อามอร์ธ

อีกด้านหนึ่ง อามอร์ธก็สร้างความเห็น ที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย อย่างกรณีเช่น เขากล่าวว่าฮิตเลอร์และสตาลินนั้นถูกปีศาจเข้าสิง ในปี 2012 ข่าวให้การว่ามีลัทธิใคร่เด็กแทรกซึมอยู่ในแวดวงวาติกัน ไม่แค่นั้น อามอร์ธยังมีทัศนคติในด้านลบต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่อีกด้วย เขาต่อต้านการเล่นผีถ้วยแก้ว, โยคะ และวรรณกรรมแฮร์รี่ พอตเตอร์ อามอร์ธเชื่อว่าอิทธิพลจากสื่อเหล่านี้จะเป็นประตูนำไปสู่ปีศาจร้าย

แม้ว่าบาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธ จะมรณภาพไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 แต่ชื่อของท่านก็ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้งในช่วงนี้ เพราะหนัง The Pope’s Exorcist ที่กำลังจะโรงฉายนี้ ก็เป็นการจำลองตัวตนและวีรกรรมการปราบผีของอามอร์ธ และได้ รัสเซล โครว์ (Russell Crowe) นักแสดงรางวัลออสการ์ มาสวมบทบาทเป็นบาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธ บทความนี้จึงจะขอนำผู้อ่าน ไปทำความรู้จักกับบาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธ พระนักปราบผีผู้นี้กันให้มากขึ้น

พิธีการไล่ผีในคริสตจักร

บันทึกพิธีการไล่ผีในอดีตกาล


การไล่ผีเป็นพิธีกรรมสำคัญของศาสนาคริสต์ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง ในช่วง 2-3 ศตวรรษแรกนั้น ผู้ที่มีศรัทธาในพระเจ้าต่าก็สามารถประกอบพิธีการไล่ผีกันได้ทุกคน และพิธีการไล่ผียังเป็นพิธีกรรมที่มีเสน่ห์และความน่าสนใจ สามารถดึงผู้คนนอกศาสนาให้เขามีศรัทธาในพระเจ้าอย่างได้ผล

เมื่อศาสนาคริสต์เข้าครอบงำทั่วอาณาจักรโรมัน พิธีการไล่ผีก็เปลี่ยนจากที่มีดำเนินการโดยฆราวาสทั่วไป เป็นบุคคลผู้มีอำนาจทางจิตวิญญาณหรือหมอผี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ศาสนจักรก็เข้ามามีอำนาจจัดการควบคุมในพิธีกรรมไล่ผีอย่างเต็มที่ และขัดเกลารูปแบบพิธีการขึ้นใหม่ พิธีการไล่ผีได้รับความนิยมขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 บรรดานักบวชในคริสตจักรต่างก็เข้าใจไปตาม ๆ กันว่า พิธีการไล่ผีที่เหือดหายไปแล้วจากคาทอลิกในยุคใหม่

การประชุมสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 (Vatican II) ที่จัดขึ้นในระหว่างปี 1962 – 1965 ได้มีมติให้นักบวชคาทอลิกถอยห่างจากพิธีกรรมไล่ผี ในขณะที่คริสตจักรพยายามจะปรับปรุงพิธีกรรมให้ทันกับยุคสมัย
ในยุค 60’s มาจนถึงต้นยุค 70’s เป็นจุดต่ำสุดทางประวัติศาสตร์ของพิธีกรรมไล่ผี

แต่ในยุคต่อมาก็ยังคงเห็นการประกอบพิธีกรรมไล่ผีที่คงรูปแบบดั้งเดิมแบบอนุรักษ์นิยมอยู่บ้าง บาทหลวงที่มีบทบาทโดดเด่นที่สุดในการประกอบพิธีกรรมไล่ผีก็คือ กาเบรียล อามอร์ธ ที่มีส่วนผลักดันให้การประกอบพิธีกรรมนี้ถูกต้องตามกฏหมาย
กลายเป็นการผลักดันให้พิธีกรรมไล่ผีเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง วาติกันจึงตอบรับกระแสด้วยการตีพิมพ์หนังสือแนวทางการไล่ผียุคใหม่ในปี 1998 พร้อมทั้งฝึกฝนพิธีการไล่ผีให้กับนักบวชรุ่นใหม่
แต่ก็ยังมีนักบวชจำนวนมากที่ยังคงไม่เชื่อถือศรัทธากับพิธีการไล่ผีของศาสนจักร แต่ทางศาสนจักรก็ยังคงให้การสนับสนุนพิธีกรรมไล่ผีในทุกระดับชั้นการบริหาร และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี่เอง ทางศาสนจักรก็ประสบปัญหาในเรื่องการขาดแคลนนักบวชที่เชี่ยวชาญการไล่ผีเพราะมีความต้องการเพิ่มขึ้นทั่วโลก

พิธีกรรมไล่ผี exorcism คืออะไร ?

คริสตจักรคาทอลิกแบ่งรูปแบบการไล่ผีออกเป็น 2 ระดับคือ ‘เล็ก’ และ ‘ใหญ่’
การไล่ผีในระดับเล็กนั้น บาทหลวงจะให้ศีลและพรต่าง ๆ กับบุคคลที่ล้มป่วยเพราะได้รับอิทธิพลจากปีศาจ ส่วนฆราวาสที่เข้าร่วมพิธีก็ร่วมอธิษฐานได้ในฐานะตัวแทนของผู้ป่วย โดยปกติแล้วการไล่ผีจะได้ผลกับบุคคลที่ผ่านการบัปติสม์ในคริสตจักรคาทอลิกมาแล้ว

ส่วนการไล่ผีในระดับใหญ่นั้น ใช้กับกรณีที่มีผู้ถูกผีเข้าสิงแล้ว บาทหลวงจะทำการอ่านบทสวดสดุดี คำสอนของพระเยซู และเน้นเป็นพิเศษก็คือ “บทสวดไล่ผี” น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ไม้กางเขน
ในการทำพิธีนี้ บาทหลวงมักจะใช้การวาดมือไปมา และหายใจรดไปบนใบหน้าผู้ถูกเข้าสิงด้วย ตรงจุดนี้ล่ะ ที่ใครได้เคยดูหนังฮอลลีวูดเกี่ยวกับการไล่ผี ก็จะเห็นฉากเหล่านี้ที่ผู้สร้างจำลองรูปแบบการไล่ผีพื้นฐานมาได้อย่างถูกต้อง
ก่อนที่คริสตจักรจะส่งบาทหลวงไปทำพิธีไล่ผีนั้น ผู้เรียกร้องให้ดำเนินการจะต้องยื่นบันทึกการตรวจของแพทย์ทั่วไป และการตรวจทางจิตเวชมาอย่างละเอียดก่อน เพื่อให้ทางคริสตจักรพิจารณาอนุมัติ ในส่วนนี้มีตัวบทกฏหมายที่ควบคุมการทำงานของคริสตจักรระบุไว้ชัดเจนว่า บาทหลวงของคริสตจักรจะประกอบพิธีการไล่ผีได้ก็ต่อเมื่อ จะได้รับ “การอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร” จากทางเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในท้องถิ่นนั้น ๆ จากนั้นบาทหลวงซึ่งเป็นตัวแทนของคริสตจักรจึงดำเนินการได้

ซึ่งขั้นตอนการขออนุญาตเหล่านี้ สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับอามอร์ธเป็นอย่างมาก เพราะเขามองว่าการทำพิธีไล่ผีนั้นเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของคริสตจักร ควรจะดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต

พิธีการไล่ผีของอามอร์ธ

ตลอดชีวิตของอามอร์ธนั้น เรียกได้ว่าดำเนินไปอย่างมีสีสัน ผ่านประสบการณ์น่าตื่นเต้นมามากมาย เขาเกิดในเมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ในช่วงวัยรุ่น ได้เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านนาซี และผู้สมรู้ร่วมคิดในลัทธิฟาสซิสต์ หลังสงคราม อามอร์ธก็เข้าเรียนวิชากฏหมาย และได้ทำงานในตำแหน่งสูงสุด คือได้เป็นผู้ช่วยของ จิวลิโอ อันดรอตตี (Giulio Andreotti) ที่ภายหลังได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอิตาลี

ปี 1946 อามอร์ธเข้าทำงานในสมาคมเซนต์ปอล เขารับตำแหน่งนักข่าวให้กับสื่อของคาทอลิก

อามอร์ธคนขวา ตอนที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยให้กับ แคนดิโด อามานตินี

อามอร์ธยังไมได้ยุ่งเกี่ยวกับพิธีไล่ผี จนกระทั่งเขาอายุ 61 ปี ที่เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น บาทหลวงผู้ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมไล่ผีแห่งสังฆมณฑลโรมในปี 1986 แม้จะได้รับการแต่งตั้ง โดยที่ตัวอามอร์ธไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่เขาก็ยินดีรับตำแหน่งด้วยความกระตือรือร้น ในช่วงแรกนั้น อามอร์ธรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้กับ แคนดิโด อามานตินี (Candido Amantini) หลวงพ่อนักไล่ผีผู้มีชื่อเสียง

ในช่วงต้นยุค 90’s อามอร์ธได้ก่อตั้ง สมาคมการไล่ผีนานาชาติ (International Association of Exorcists) และดำรงตำแหน่งประธานสมาคมอย่างยาวนาน จนปี 2014 สำนักวาติกันก็ได้รับการยอมรับเป็นทางการจากสำนักวาติกัน และมีการประชุมปีละ 2 ครั้ง

หนังสือชีวประวัติ กาเบรียล อามอร์ธ

อามอร์ธอ้างว่า เขาประกอบพิธีการไล่ผีมาแล้วกว่า 60,000 ครั้ง เป็นตัวเลขที่ดูเหลือเชื่อเกินไปมาก และจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในภายหลัง ในหนังสือชีวประวัติของอามอร์ธนั้น ได้มีเนื้อหาบางตอนที่อามอร์ธเล่าไว้ว่า ในการประกอบพิธีกรรมไล่ผีแต่ละครั้งนั้น รูปแบบจะต่างกันไปแล้วแต่สถานการณ์ บางครั้งก็สั้น ๆ แค่ไม่กี่นาที แต่บางครั้งก็ลากยาวหลายชั่วโมงเลยก็มี ถ้าเจอเคสง่าย ๆ แค่ไม่กี่นาที เขาก็จะสามารถประกอบพิธีกรรมได้หลายสิบครั้งในวันเดียว เพราะปกติแล้ว แค่เขาไปถึงประตูบ้าน วิญญาณก็จะปรากฏตัวให้เขาเห็นแล้ว

แม้อามอร์ธจะอ้างว่า เขาประกอบพิธีมาหลายหมื่นครั้ง แต่เขาก็บอกว่าที่เขาเจอผู้ถูกปีศาจเข้าสิงโดยสมบูรณ์จริง ๆ ก็ประมาณ 100 ครั้งเท่านั้น
อามอร์ธค่อนข้างให้ความสำคัญต่อการประกอบพิธีไล่ผีอย่างมาก เขาเขียนในบันทึกชีวประวัติของเขาว่า
“การประกอบพิธีไล่ผีต่อให้ไม่จำเป็นแต่ก็ไม่เคยทำร้ายใคร”
“ต้องประกอบพิธีไล่ผีเท่านั้นถึงจะระบุได้แน่ชัดว่า เคสนั้น ๆ มีอิทธิพลของซาตานร่วมอยู่ด้วยหรือไม่”

รัสเซล โครว์ รับบทเป็น กาเบรียล อามอร์ธ ในหนัง The Pope’s Exorcist

ด้วยเหตุนี้ กาเบรียล อามอร์ธ จึงเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ที่จะนำไปดัดแปลงเป็นตัวละครในภาพยนตร์ เป็นบาทหลวงตัวแทนแห่งคอทอลิกผู้มีทักษะสูงในการประกอบพิธีกรรมไล่ผี เป็นชายผู้มีศรัทธาแรงกล้าและอาจหาญที่จะช่วยผู้บริสุทธิ์จากเงื้อมมือปีศาจ ภาพลักษณ์ของบาทหลวงอย่าง กาเบรียล อามอร์ธ อาจจะค่อนข้างดูแปลกแยกจากสังคมปัจจุบันนี้ ที่ไม่ค่อยเชื่อถือศรัทธาในเรื่องภูติผีปีศาจกันแล้ว แต่การที่มีหนังอย่าง The Pope’s Exorcist ก็จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ในทางบวกของคริสตจักรคาทอลิก ที่แสดงถึงความรับผิดชอบที่จะต้องรับมือกับการรุกรานของวิญญาณร้าย และการไล่ผีก็จะยังคงอยู่ในสังคมปัจจุบันและอนาคตต่อไป

ที่มา : theconversation