[รีวิว] The World Is Yours หลบหน่อย แม่จะปล้น – อาชญากรรมกะต๊องระดับคานส์ เสียดสีการเมืองโลกได้เจ็บแสบไปตามกัน
Our score
7.3

The World Is Yours

จุดเด่น

  1. เป็นหนังอาชญากรรมที่เสียดสีการเมืองได้เจ็บแสบ
  2. อิซาเบล อัดจานี และ แวงซอง กัสเซล คือเพิ่มเสน่ห์ให้เรื่องราวมาก

จุดสังเกต

  1. ส่วนโรแมนติกอาจไม่ทำให่อินนัก เนื่องจากหนังไม่ได้ให้ที่มาของความสัมพันธ์ให้เราคล้อยตามได้มากพอ
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.5

  • ความสมบูรณ์ของงานสร้าง

    7.5

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ความสนุก

    7.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    7.5

ด้วยฝันอยากบุกเบิกธุรกิจไอติมในแอฟริใต้ ฟรังซัวร์ (คารีม เลอโคล) พ่อค้ายาลูกแหง่จำใจรับงานขนของล็อตใหญ่จากสเปนกลับมาที่ฝรั่งเศส แต่เรื่องราวโอละพ่อก็เกิดขึ้นเมื่อแก๊งค้ายาสก็อตแลนด์กลับเบี้ยวงานทิ้งให้เขาเผชิญความซวย และในโมงยามอันมืดแปดด้านความช่วยเหลือที่ฟรังซัวร์ต้องการที่สุดคือ แดนนี (อิซาเบล อัดจานี) คุณแม่จอมบงการเปี่ยมสกิลโจรที่อาจช่วยให้เขาขโมยเงินที่ถูกเบี้ยวหรือในทางกลับกันเธออาจทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนจนกู่ไม่กลับไปเลยก็ได้   

Play video

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

Le monde est a’ toi หรือ The World is Yours คืองานกำกับหนังใหญ่ครั้งที่ 2 ของ โรแม็ง กัฟรัส ผู้กำกับมิวสิควีดีโอและโฆษณาตัวกลั่น ที่ได้ฉายโชว์ในสาย Director Fortnight ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีก่อน โดยเลือกนิยายอาชญากรรมขายดีมาทำ ซึ่งก็ต้องยอมรับในวิสัยทัศน์ของ กัฟรัส ในการคราฟต์งานถ่ายทำแต่ละช๋็อตออกมาเนี๊ยบสุดขั้วโดยเฉพาะฉากฉกของแบรนด์เนมในห้างลาฟาแยตของ แดนนี คุณแม่ดาวโจรสุดแสบที่ถ่ายออกมาสวยประหนึ่งมิวสิควีดีโอที่เขาเคยทำ หรืองานตัดต่อสุดหวือหวาก็ไปกันได้ดีกับเนื้อหาที่ดูเมากาวมากๆแบบเรื่องนี้ทั้งการเสียดสีอคติของผู้คนว่ามุสลิมเป็นผู้ก่อการร้าย ,ทฤษฎีสมคบคิดและลัทธิต่อต้านอิลลูมินาติ ที่เหมือนจะถูกเล่าแบบไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลแต่ก็ไปกันได้ดีกับตรรกะป่วงๆที่ตัวละครยึดถืออยู่ แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเราไม่อาจแนะนำคนดูทั่วไปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังปล้นดูสนุกแบบ Ocean 11 แต่จะใกล้เคียงกับหนังอาชญากรรมตลกเมาๆอย่าง Snatch ของ กาย ริชชี่ ซะมากกว่า

จุดเด่นของ Le monde est a’ toi คือการเป็นหนังแก๊งสเตอร์ ที่พยายามกะเทาะเปลือกอันสวยหรูของสังคมฝรั่งเศสด้วยการนำเสนอชีวิตเส็งเคร็งของคนชายขอบอย่างพวกค้ายา แก๊งนักเลงผิวสีที่เป็นตัวแทนผู้อพยพจากแอฟริกาใต้ หรือบรรดาสาววัยทองที่ใช้เงินทองไปกับการพนันเพื่อกลบฝังชีวิตสมรสที่ล้มเหลว ซึ่งการที่หนังให้ ตัวเอกชื่อ ฟรังซัวร์ ที่สามารถเชื่อมโยงกับความเป็นชาติฝรั่งเศสได้แล้ว การที่หนังวางคาแรกเตอร์ตัวละครให้เป็นเด็กติดแม่ยังสื่อความหมายถึงประชาชนที่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐทุกทิศทาง โดยเฉพาะการที่ ฟรังซัวร์ ต้องเอาเงินไปฝากไว้กับแม่ก็ไม่ต่างจากการให้รัฐในรูปแบบของธนาคารหรือการเก็บภาษีที่ฟรังซัวร์พบว่า แม่ของเขาเอาเงินไปละลายกับการพนัน ถ้าฟังแล้วคุ้นๆก็ไม่น่าแปลกใจหรอกครับ มันคือการเสียดสีกรณีที่รัฐบาลของนาย ฟรังซัวร์ โอลงด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสมีรัฐมนตรีคลังและอดีตสมาชิกพรรคสังคมนิยมแอบซุกทรัพย์สินในเกาะเคแมนและธนาคารสวิส ซึ่งได้สร้างความกังขาถึงความโปร่งใสต่อรัฐบาลของพวกเขาไม่น้อย

ยังไม่นับรวมปัญหาคาราคาซังมานานอย่างผู้อพยพที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หรือปัญหาการก่อการร้ายที่ผูกติดกับภาพลักษณ์ของชาวมุสลิม หรือแม้แต่ประเด็นที่หนังแสดงออกอย่างทีเล่นทีจริงอย่างเรื่องทฤษฎีสมคบคิดหรือแนวคิดต่อต้านอิลลูมินาติ ก็ดันค่อยๆสะท้อนชะตากรรมของตัวละครที่ต้องใช้ชีวิตผูกติดกับความเชื่อบางอย่าง อคติบางอย่างจน ฟรังซัวร์ (ภาพตัวแทนของชาวฝรั่งเศส) แทบไปไหนไม่ได้ต้องติดวังวนทั้งความสัมพันธ์ต่อแฟนสาวที่มีภาพลักษณ์แบบสาวตะวันออกกลางที่แม่เหมือนจะเริ่มไม่ไว้ใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแม่กระทั่งเหล่าอาชญากรรวมถึงแม่ตัวเองที่หาความโปร่งใสได้ยากเต็มที จนเขาต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์วายป่วงดังกล่าวและได้ทำตามฝันที่อยากเป็นคนธรรมดามีความสุขที่ยิ่งฝันก็ยิ่งยาก จนสถานการณ์ต่างๆเริ่มเปลี่ยนเด็กลูกแหง่ไปสู่ชายหนุ่มที่ต้องทันเล่ห์เหลี่ยมเหล่าเสือ สิงห์ กระทิง แรด ไม่เว้นแม้แต่แม่ตัวเอง ซึ่งก็ทำให้หนังเรื่องนี้สะท้อนภาพการเมืองของฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี

อุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้คนดูอินกับตัวละครนำอย่าง ฟรังซัวร์ คงหนีไม่พ้นการที่หนังไม่ได้ให้ที่มาที่ไปของตัวละครมากไปกว่าให้เราเห็นว่าเขาทำธุรกิจส่งยาหรือกำลังเริ่มธุรกิจไอศกรีมในแอฟริกาใต้ แต่ดันไม่ได้ให้โอกาสเราได้มีโมเมนต์ในการได้เห็นใจตัวละครในซักแง่ ด้านอาชญากรรมก็ดูฟรังซัวร์จะทำงานส่งยาได้สบายๆไม่เคยต้องหนีตำรวจ หรือด้านโรแมนติกกับ ลัมย่า (อูลายา อามัมรา) รักแรกของเขาหนังก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า ความเป็นมาของความสัมพันธ์ทั้งคู่เป็นอย่างไรนอกจากการที่อยู่ดีๆ ลัมย่า ก็มาร่วมปล้นของที่ลาฟาแยต หลังต้นเรื่องแม่ของเขาเปรยๆว่าลัมย่าเลิกกับแฟนแล้ว แถมหนังยังให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยืนอยู่บนความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เลยทำให้แกนกลางของหนังอันว่าด้วยความรักของพ่อค้ายาที่ถูกพิสูจน์ด้วยสถานการณ์วายป่วงไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตามหรือเอาใจช่วยให้ทั้งสองคนกลับมารักกันนัก

แต่กระนั้นนักแสดงที่ถือเป็นไฮไลต์ของเรื่องได้แก่รุ่นใหญ่ทั้ง แวงซอง กัสเซล และ อิซาเบล อัดจานี ที่อัดเสน่ห์เฉพาะตัวทำให้หนังมีสีสันไม่น้อย ฝ่ายชายอย่าง แวงซอง กัสเซล แม้จะมีเวลาบนจอไม่มากแต่คุณภาพล้นแก้ว ทั้งบุคลิกแบบคนไม่เต็มบาท ยิ่งตอนแกมาสนใจทฤษฎีพวกอิลลูมินาติก็ยิ่งทำให้เห็นศักยภาพนักแสดงที่ค่อยๆแปลงจากคนบ้ามึมมัมพูดจาไม่รู้เรื่องไปสู่คนบ้าที่หมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เป็นอย่างดี ส่วนอิซาเบล อัดจานี อดีตนางเอกสาวหน้าหวานก็ยังคงความงามและเย้ายวนไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งหนังให้เธอเป็นคุณแม่ฟรังซัวร์ที่หนุ่มๆต่างรุมตอมก็ยิ่งทำให้เธอได้โปรยเสน่ห์บนจอได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้คนดูได้สะพรึงกับบทแม่จอมบงการที่บอกได้เลยว่าหากหนังขาดนักแสดงคู่นี้คงออกมาจืดไม่น้อยเลยล่ะ