หลายๆสื่อในวงการภาพยนตร์คาดการณ์กันว่า the avengers:age of ultron น่าจะเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดในซัมเมอร์ 2015 นี้ มาถึงตรงนี้หนังยังไม่เปิดตัวในอเมริกา แต่ฉายไปแล้ว 44 ประเทศทำเงินไปแล้วกว่า 201 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 250 ล้านเหรียญ กว่าจะเข้าฉายในอเมริกาวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ หนังก็ได้ทุนสร้างคืนไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยรายได้ระดับนี้ยังมองไม่เห็นคู่แข่งสมน้ำสมเนื้อในซัมเมอร์ปีนี้เลย ที่ พอจะทัดเทียมก็เป็นหนังปลายปีอย่าง starwars:the force awakens เท่านั้น

ภาค 2 นี้ เรียกว่าทำการบ้านเตรียมพร้อมมาอย่างดีมาก ฉากที่ได้เสียงตอบรับดีจากภาค 1 ถูกนำมาขายอย่างเด่นชัดในภาค 2 ทั้งฉากขายความเท่ของเหล่าอเวนเจอร์ส ที่ยืนล้อมทำท่าฮึกเหิมกล้องหมุนรอบ ฉาก สโลว์ ฉากตะลุมบอน มุกฮาๆ ก็มีมากกว่าภาค 1 และได้เสียงหัวเราะกันทั้งโรงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เท่าฉากฮัลค์ฟาดโลกิสุดเซอร์ไพรส์อย่างภาค 1 หรอกนะ

หนังตอบสนองแฟนๆ ซูเปอร์ฮีโร่ได้เต็มปรี่ เชื่อว่าคนดูจะเดินออกจากโรงด้วยความพึงพอใจกับค่าตั๋วและเวลาเป็นแน่ กับปริมาณฉากแอ็คชั่นแบบจุใจ ซัดกันตั้งแต่หนังเริ่มต้น ผมชอบมากครับกับฉากลองช็อตลากยาวหลายนาทีตอนเริ่มเรื่อง เรียกว่าเปิดมาก็ทำให้หายคิดถึงกันได้เลย ฉากแอ็คชั่นแต่ละฉากอจัดเต็มไม่มีเม้มงบเผื่อไว้สำหรับฉากต่อไปเลย เล่นกันแบบถล่มทลายวินาศสันตะโรส่วนฉากไคลแมกซ์สุดท้ายก็อลังการสุดๆลากยาวกันกว่าครึ่งชั่วโมงเลย ถ้าฉากแอ็คชั่นระดับที่มองเห็นว่าว่าเทียบเท่าก็เห็นจะมี ทรานสฟอร์เมอร์ส 4 นั่นละครับ แต่ความน่าสนใจน่าติดตามของทรานสฟอร์มเมอร์ส สำหรับผมยังอยู่ห่างชั้นนัก ผมค่อนข้างชินชากับฉากหุ่นยนต์ต่อสู้กันที่เห็นมา 4 ครั้งแล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เพิ่มเติม แต่กับ อเวนเจอร์ส นี่ชื่นชมกับความคิดสร้างสรรค์ ที่เพิ่มสีสันเข้าไปในฉากแอ็คชั่นให้ดูน่าสนใจ มีทีมเวิร์คในการต่อสู้ มองเห็นได้ว่าเหล่าเพื่อนๆ ซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้ต่อสู้ด้วยกันมาพอสมควรแล้ว ของเล่นที่ถูกใช้มากที่สุดคือ โล่ของกัปตันเอามาใช้ร่วมกับค้อนของธอร์อยู่บ่อยครั้ง ชอบที่เห็นแบล็ควิโดว์เอาโล่กัปตันมาใช้ต่อสู้ได้ด้วย ชอบฉากฮัลค์บัสเตอร์ด้วยครับ มันส์มาก

marvel-avengers-age-ultron

บทหนังลงรายละเอียดเรื่องพัฒนาการความสัมพันธ์ของเหล่าอเวนเจอร์สได้ดี มีทั้งขัดคอกันผิดใจกัน สนุก ล้อเล่นกันมองเห็นถึงความสนิทสนมกันมากขึ้น รวมถึงพัฒนาการด้านโรมานซ์ของนาตาซา โรมานอฟ กับ บรู๊ซ แบนเนอร์ด้วย เกร็ดเล็กๆ เกี่ยวกับสคาร์เล็ต โจแฮนสัน เธอตั้งครรภ์ขณะถ่ายทำเรื่องนี้ ทีมงานเลยต้องมีตัวแสดงแทนถึง 3 คน บางฉากที่ต้องเห็นหน้าชัดๆ ก็ต้อง
ใช้ CGI มาลบท้องป่องของเธอ

สคาร์เล็ต โจแฮนสัน เธอตั้งครรภ์ขณะถ่ายทำเรื่องนี้ ทีมงานเลยต้องมีตัวแสดงแทนถึง 3 คน

ความสนุกอีกอย่างของภาค 2 คือการใช้ประโยชน์จากเรื่องราวที่ปูทางมาในจักรวาลมาร์เวลมาแล้ว 10 เรื่อง the avengers:age of ultron นี่เป็นเรื่องที่ 11 หนังเลยอัดใส่ตัวละครจากทุกเรื่องที่ผ่านมาเข้ามากันเต็มจอ ธอร์ ก็มี ไฮม์ดัล กับ ดร.อีริค เซลวิก มาร่วม ฝ่ายกัปตันอเมริกา ก็มีเอเย่น คาร์เตอร์ และ ฟอลคอน มาเสริมทัพ ส่วนไอรอนแมนก็มี วอร์แมชชีน มาเป็นผู้ช่วยบทสนทนาเอ่ยถึง เพ็พเพอร์อยู่บ่อยครั้ง แต่ สตาร์ค ก็บอกว่าเธอยุ่งอยู่ ถึงแม้ตัวละครจะแน่นจอกันขนาดนี้แต่บทภาพยนตร์ก็เป็นอีกจุดที่น่าชื่นชมครับ หนังสามารถกระจายความสำคัญให้กับทุกตัวละครได้มีซีนของตัวเองในเวลา 2 ชั่วโมง 21 นาที สังเกตได้อย่างในบทหนังมาร์เวลจะให้น้ำหนักความสำคัญกับซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาอย่าง ฮอว์คอายที่เก่งแค่ยิงธนู และกัปตันอเมริกาที่มีความพิเศษแค่พละกำลังมหาศาล ภาคนี้หนังจึงให้เวลากับเรื่องราวของคลินท์ บาร์ตัน ตัวตนของฮอว์คอายมากขึ้น ทำให้เรารู้สถานะความเป็นอยู่ครอบครัวของเขา ฉากที่ชอบคือตอนที่ คลินท์ ได้พูดถึงความน้อยเนื้อต่ำใจกับลอร่า เมียของเขา

ลอร่า:ฉันเห็นเธออยู่กับพวก อเวนเจอร์ส แล้ว……
คลินท์:เธอเห็นว่าฉันไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาใช่ไหม?
ลอร่า:ตรงกันข้ามต่างหาก พวกเค้าเป็นเทพ เป็นยอดมนุษย์ ยิ่งจำเป็นต้องมีใครสักคนเตือนให้เค้าอยู่ติดดินไว้บ้าง

กัปตันอเมริกาเองก็เป็นตัวละครที่เหล่าอเวนเจอร์ส ยกย่องให้เกียรติเป็นหัวหน้าทีมอเวนเจอร์สในฐานะคนเฒ่าคนแก่ของทีม แต่ก็ไม่วายโดนล้ออยู่บ่อยครั้ง โทนี่ สตาร์ค เองก็ยอมรับกัปตันในฐานะหัวหน้าทีมแต่ตอนรบ จะเห็นว่าโทนี่ สตาร์ค กลับเป็นคนควบคุมสั่งการโดยตลอด เพราะโทนี่ เป็นคนที่มีของเล่นที่หยิบมาใช้ได้เยอะสุด บทของโทนี่ สตาร์ค จึงอยู่ในฐานะพระเอกของเหล่าพระเอกอีกที ความยียวน กวนส้น และความเป็นเด็กเกเรของทีม ก็ยังเป็นจุดขายของโทนี่ ที่คนดูชอบเช่นเคย

สคาร์เล็ต วิทช์ เป็นตัวละครอีกตัวที่เพิ่มสีสันให้กับภาคนี้ ด้วยพลังวิเศษของเธอที่สะกดจิตเหล่าอเวนเจอร์ส ให้เห็นภาพหลอน และมีพฤติกรรมแปลกๆ ทำให้เราดูไปแล้วต้องคอยสังเกตพฤติกรรมแต่ละคนว่ามนต์สะกดอยู่หรือไม่ อลิซาเบ็ธ โอลเซ็น (old boy) ได้บทนี้มาจากการชนะคู่แข่งอย่าง เซียร์ช่า โรนัน (hanna) ถือว่าได้บทสำคัญในชีวิตการแสดงเลย เพราะดูท่าแล้วเธอจะได้อยู่กับมาร์เวลไปอีกหลายเรื่อง เธอเป็นเจ้าของฉากปล่่อยพลังแบบสโลว์โมชั่นเท่ๆหลายฉาก ผู้กำกับก็ตั้งใจกับลีลาของเธอมาก ฉากปล่อยพลังนั้นโอลเซ็นต้องไปเข้าคอร์สกับครูสอนเต้นรำเพื่อให้เธอดูมีลีลาพริ้วไหวอย่างที่เห็นในหนัง

hawkeye-avengers-age-of-ultron
บทหนังภาคนี้ค่อนข้างซับซ้อน มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่เนื้อหาที่เด็กเล็กจะดูแล้วเข้าใจได้ง่าย ไม่ใช่หนังที่ผู้ร้ายโผล่มาแล้วเหล่าพระเอกออกไปปราบอีกแล้ว โทนี่ สตาร์ค กับ ดร.บรู๊ซ แบนเนอร์คุยศัพท์วิทย์กันเยอะ ส่วนอัลตรอน ก็พูดภาษาปรัชญาเกี่ยวกับมนุษยชาติ สันติภาพ ถ้าตั้งใจฟังวิเคราะห์ก็น่าจะได้สาระอยู่

เป็นหนังตลาดทุนสร้างอลังการมุ่งหวังกำไรอย่างแท้จริง และมอบความสนุกได้จริง ฉากแอ็คชั่นอัดแน่น มีสาระ ดราม่าและมุกตลอดสอดแทรกได้พอเหมาะ แถมมีเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับตัวละครในทีมอเวนจอร์ส ที่พูดไม่ได้อยู่หลายเรื่อง ต้องดูในโรงเท่านั้นครับ

 

Play video