Green Lantern เป็นซูเปอร์ฮีโรที่ได้รับความนิยมระดับต้น ๆ ในจักรวาลหนังสือการ์ตูนของ ดีซี คอมิก แต่เมื่อตัดสินใจหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ Green Lantern ในปี 2011 หนังกลับล้มคว่ำทั้งด้านเสียงตอบรับและรายได้ ทั้งดีซีและ วอร์เนอร์ มั่นใจกับโพรเจกต์นี้ถึงขนาดควักทุนสร้างสูงถึง 200 ล้านเหรียญ แต่หนังกลับทำรายได้กลับมาแค่ 213 ล้านเหรียญ นับเป็นหนังที่ล้มคว่ำครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์หนังซูเปอร์ฮีโร กลายเป็นบาดแผลในประวัติการแสดงของ ไรอัน กอลสิง ที่เขาหยิบเรื่องราวนี้มาจิกกัดตัวเองอยู่หลายครั้งในหนัง Deadpool

อลัน สก็อตต์ พระเอกรายใหม่ในซีรีส์ที่เป็นเกย์

แต่ถึงอย่างนั้นดีซีก็ยังเหลือความมั่นใจอยู่กับ Green Lantern ว่ายังมีโอกาสที่จะผลักดันซูเปอร์ฮีโรให้ฮิตได้เหมือนในเวอร์ชันหนังสือการ์ตูน มีการหยิบโพรเจกต์นี้มาพูดคุยกันหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งบัดนี้ที่โพรเจกต์ได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าสร้างเป็นซีรีส์ฉายทาง HBO Max ที่จริงแล้วซีรีส์ Green Lantern ได้อนุมัติให้สร้างมาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว แต่ทีมงานก็เพิ่งจะลงตัว

ทีมงานหลัก ๆ ในขณะนี้คือ 2 ผู้อำนวยการสร้างบริหารอันได้แก่ เซ็ธ เกรแฮม-สมิธ ผู้อำนวยการสร้างจาก Abraham Lincoln: Vampire Hunter, The LEGO Batman Movie และ มาร์ก กุกเกนไฮม์ ผู้อำนวยการสร้างจาก Arrow, Legends of Tomorrow โดยเซ็ธ เกรแฮม-สมิธ จะควบตำแหน่ง Showrunner และเขียนบทตอนแรกด้วย ในซีซันแรกนี้จะมีด้วยกัน 10 ตอน ความยาวตอนละ 1 ชั่วโมง มีการเผยพลอตคร่าว ๆ มาดังนี้ครับ

“รอบนี้จะเล่าเรื่องราวการผจญภัยของชาวแลนเทิร์นหลายคน อย่างเช่น กาย การ์ดเนอร์, เจสซิกา ครูซ, ไซมอน แบซ และ อลัน สก็อตต์ ผู้ที่รับตำแหน่ง Green Lantern คนแรกบนโลกมนุษย์ ซึ่งรอบนี้จะดำเนินเนื้อหาตามหนังสือการ์ตูนเป๊ะ ๆ ซึ่งตามเนื้อหาแล้วเขาก็เป็นเกย์ด้วย ในซีรีส์ยังจะมีตัวละครสำคัญอีกหลายรายที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ อย่างเช่น Sinestro และ Kilowog แล้วก็จะเพิ่มฮีโรหน้าใหม่ที่จะเข้ามาสังกัดในหน่วย Green Lantern Corps”

มาร์ก กุกเกนไฮม์ ผู้อำนวยการสร้างบริหารของโพรเจกต์

พอจะเห็นได้ว่า Green Lantern กลับมารอบนี้ ไม่ได้มีพระเอกนำโด่งแค่คนเดียว แต่เล่าเรื่องราวของสมาชิกหลายรายในหน่วยที่ชื่อ Green Lantern Corps และมีการเปิดเผยเพิ่มเติมมาว่าเหล่า Green Lantern จะไปร่วมมีบทบาทในหนังหรือซีรีส์อย่างน้อยอีก 4 เรื่อง และที่สำคัญบทภาพยนตร์จะให้ความสำคัญกับรสนิยมทางเพศที่เป็น “เกย์” ของ อลัน สก็อตต์ ด้วย ส่วนจุดที่น่าสังเกตก็คือในรอบนี้ไม่มีการเอ่ยถึง จอห์น สจวร์ต และ ฮาล จอร์แดน ตัวละครที่หลายคนคุ้นเคยกัน และเป็นตัวละครที่เคยรับบทโดย ไรอัน กอสลิง มาแล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็นการยกเครื่อง Green Lantern ที่เล่าเรื่องราวในทิศทางใหม่กันเลย แต่ก็ยังมีจุดที่น่ากังวลอยู่ดี เพราะ มาร์ก กุกเกนไฮม์ ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวเรือหลักในซีรีส์นี้ ก็เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทของ Green Lantern (2011) ที่ล้มคว่ำมาแล้ว ก็หวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยเดิมอีกนะ

เพิ่มเติมส่งท้ายเล็กน้อยถึงโพรเจกต์ต่าง ๆ ของดีซีที่จะร่วมงานกับ HBO Max เพราะนอกจาก Green Lantern แล้วก็ยังจะมีซีรีส์ Titans, Doom Patrol และ Harley Quinn ที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการสร้าง นอกจากนี้ยังมีข่าวที่น่าสนใจว่า เจ.เจ. อบรามส์ ผู้กำกับคนเก่งกำลังจะสร้างซีรีส์ Justice League Dark ที่จะเล่าเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโรด้านมืดอย่าง Constantine และ Zatanna ยังไม่หมดแค่นั้น ดีซี ยังได้ผู้กำกับ เจมส์ กันน์ มาร่วมงานด้วย โดยเจมส์ จะเป็นผู้รับผิดชอบซีรีส์ Peacemaker ที่ได้ จอห์น ซีนา มารับบทนำ และถูกกำหนดให้เรื่องราวนี้อยู่ร่วมจักรวาลเดียวกับ The Suicide Squad ภาคใหม่ ส่วน Zack Snyder’s Justice League ก็สรุปแล้วว่าจะออกมาเป็นมินิซีรีส์ 4 ตอนจบ มีกำหนดแพร่ภาพปีหน้านี้แล้ว

อ้างอิง