รัฐบาลอังกฤษยืนยันสิทธิของชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทาง “บริติชโพ้นทะเล” สามารถเข้าไปพำนักในอังกฤษและขอสถานะพลเมืองได้ แม้รัฐบาลจีนจะเพิกถอนหนังสือเดินทางชนิดนี้ มีผลตั้งแต่ 31 มกราคม (เมื่อวานนี้) พร้อมโจมตีอังกฤษว่า ใช้ชาวฮ่องกงเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเมื่อ 30 มกราคม สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกงและเว็บไซต์ BBC สื่ออังกฤษรายงานว่า Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันสิทธิ์ของชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทางบริติชโพ้นทะเล หรือว่า British National Overseas (BNO) Passport ว่า ยังสามารถใช้สถานะดังกล่าวเดินทางเข้าอังกฤษเพื่อขอเป็นพลเมืองอังกฤษในอนาคตได้

ปัจจุบันมีผู้ถือหนังสือเดินทางชนิดนี้ราว 350,000 คน และ ผู้มีสิทธิได้รับหนังสือเดินทางนี้อีกราว 2.6 ล้านคนจะสามารถขอวีซ่าพิเศษเพื่อเดินทางเข้าไปเรียนหรือทำงานในอังกฤษได้เป็นเวลา 5 ปี และสามารถขอสถานะเป็นพลเมืองอังกฤษได้ในปีที่ 6 โดยทางการอังกฤษคาดว่า จะมีชาวฮ่องกงใช้ช่องทางนี้ย้ายเข้าไปอยู่ในอังกฤษราว 300,000 คนภายใน 5 ปี พร้อมประเมินความเป็นไปได้ว่า อาจมีชาวฮ่องกงสนใจใช้สิทธิ์ย้ายถิ่นเข้าอังกฤษมากถึง 1 ล้านคน

การออกมายืนยันสิทธิของชาวฮ่องกงกลุ่มนี้โดยรัฐบาลอังกฤษ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนออกมาโจมตีมาตรการดังกล่าวว่า กำลังใช้ชาวฮ่องกงที่มีหนังสือเดินทางบริติชโพ้นทะเลเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการเข้าแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะเดียวกันทางการจีนก็จะเร่งเพิกถอนการใช้งานหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่ให้เป็นเอกสารการเดินทางอีกต่อไปด้วย

จีนยังโจมตีนโยบายเปิดรับชาวฮ่องกงเข้าไปพำนักในอังกฤษครั้งนี้ว่า เป็นความพยายามโน้มน้าวชาวฮ่องกงจำนวนมากเพื่อให้เข้าไปเป็น “พลเมืองชั้นสอง” เพื่อหลอกใช้แรงงานและความสามารถของชาวฮ่องกงในขับเคลื่อนเศรษฐกิจอังกฤษอีกด้วย โดยสำหรับมาตรการของรัฐบาลอังกฤษนี้เกิดขึ้นหลังรัฐบาลจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020 ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า กฎหมายดังกล่าวจะบั่นทอนเสรีภาพและสถานะหนึ่งประเทศ สองระบบของฮ่องกง ซึ่งจีนเคยสัญญาว่า จะให้ฮ่องกงปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยต่อไป หลังอังกฤษคืนการเช่าเกาะฮ่องกงให้จีนตั้งแต่ 1997  ขณะที่รัฐบาลจีนระบุว่า กฎหมายความมั่นคงมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายและการแทรกแซงจากต่างชาติ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส