ขณะที่หลายประเทศชั้นนำของโลกเริ่มทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด ซึ่งหลายฝ่ายกำลังกังวลว่าการเร่งผลิตวัคซีนในครั้งนี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูง เนื่องจากระยะเวลาการพัฒนาและทดสอบวัคซีนที่สั้นมากเพียง 10 เดือน สั้นกว่าระยะเวลาการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคอุบัติใหม่ที่ปกติแล้วจะต้องใช้ระยะเวลา 2 – 5 ปี ขึ้นไป เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าวัคซีนที่ได้มานั้นปลอดภัยต่อผู้ได้รับวัคซีนของทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ ยกตัวอย่างวัคซีนของบริษัท Pfizer ได้เร่งพัฒนาการผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า mRNA โดยใช้เวลาการพัฒนาเพียง 10 เดือน  

จนถึงขณะนี้พบที่มีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง (Anaphylaxis) แล้ว 2 ราย หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนรอบแรกในประเทศอังกฤษ ส่วนในสหรัฐฯ มีผู้ได้รับผลข้างเคียงและแพ้รุนแรงอีก 6 ราย รวมเป็น 8 ราย แต่ทั้งหมดไม่มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนมากและส่วนใหญ่ไม่มีอาการแพ้ หรือแม้ว่าจะแพ้ก็มีอาการเพียงเล็กน้อย ในกรณีการแพ้ขั้นรุนแรง ผู้รับวัคซีนมักจะมีอาการค่อนข้างรวดเร็ว ภายใน 15 – 30 นาทีแรก ในการฉีดจึงต้องให้ผู้รับวัคซีนต้องรออยู่ ณ ที่ฉีดอย่างน้อย 30 นาทีหากเกิดเหตุฉุกเฉินกะทันหัน

ล่าสุดมีรายงานว่า Sonia Acevedo พยาบาลของแผนกกุมารเวชศาสตร์ ของสถาบันมะเร็งวิทยา ในเมืองปอร์โต วัย 41 ปี และคุณแม่ลูกสองชาวโปรตุเกสเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนของบริษัท Pfizer เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม หรือหลังจากได้รับการฉีด 2 วัน แม้ว่าการเสียชีวิตของเธอจะยังไม่มีการยืนยันสาเหตุที่ว่าเกิดจากอาการแพ้วัคซีนหรือไม่ แต่ข่าวนี้โด่งดังไปทั่วประเทศโปรตุเกส และสร้างความวิตกกังวลต่อประชาชนที่กำลังทยอยได้รับการฉีดวัคซีน พ่อของ Acevedo ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกสาวของเขาเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงดีและไม่มีโรคประจำตัว หลังจากฉีดวัคซีนกลับมาแล้วไม่มีอาการอะไรที่ส่อให้เห็นถึงความผิดปกติ โดยภายใน 2-3 วันนี้จะมีการผ่าตัดชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจึงต้องนำเอกสารกำกับยาของวัคซีนจากบริษัท Pfizer/BioNTech ออกมาเผยแพร่ขึ้นบนเว็บไซต์ทางการ เพื่อแจ้งไปยังประชาชนพร้อมกับคำเตือนสำหรับผู้ที่จะมารับวัคซีนว่า จะต้องทำความเข้าใจก่อนซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ Gov.uk เมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้ (สามารถกดเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์ต้นทาง)

วัคซีนโควิด-19 ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีสภาวะภูมิแพ้, บุคคลที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือผู้ที่มีโรคเลือดออกซึ่งจะห้ามการฉีดเข้ากล้ามเนื้อไม่ควรได้รับวัคซีน, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงบุคคลที่ได้รับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน อาจมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนลดลง รวมทั้งผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้ม, วัคซีนไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และทารกในครรภ์, วัคซีนไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ภายในไม่กี่เดือนหลังจากได้รับวัคซีน, ผู้ได้รับวัคซีนจะไม่สามารถให้นมบุตรได้

มีอาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยที่สุดจากกลุ่มทดสอบอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้แก่ อาการปวดบริเวณที่ฉีด, เมื่อยล้า, ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ และเป็นไข้ ในบางรายพบอาการอัมพาตที่ใบหน้าส่วนปลายเฉียบพลัน อาจมีอาการสูญเสียการรับรสชาติหรือรับกลิ่น เจ็บคอ ท้องเสีย หรืออาเจียน หากมีอาการแพ้จากสารออกฤทธิ์หรือส่วนผสมอื่น ๆ ของวัคซีนที่รวมถึงผื่นคันที่ผิวหนัง หายใจถี่ และบวมที่ใบหน้าหรือลิ้น ต้องติดต่อแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทันทีหรือไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

และยังมีการระบุไว้ด้วยว่า การฉีดวัคซีนอาจไม่สามารถปกป้องผู้ที่ได้รับจากการติดเชื้อ COVID-19 ได้ 100% และยังไม่มีข้อมูลในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือกำลังรับการรักษาเรื้อรังที่ยับยั้งหรือป้องกันการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันว่าสามารถปกป้องผู้ที่ได้รับจากการติดเชื้อได้ นอกจากนี้การฉีดวัคซีนยังไม่ยืนยัน100% ว่าจะป้องกันไม่ให้ผู้รับวัคซีนจะไม่เป็นพาหะแพร่กระจายไวรัสไปสู่ผู้อื่น ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน เนื่องจากยังไม่เคยมีการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง ข้อที่กำหนดไว้ในเอกสารกำกับยาของวัคซีนจากบริษัท Pfizer/BioNTech ซึ่งสำคัญที่สุดแต่อยู่ข้อสุดท้ายในที่นี้ ก็คือหากเกิดอาการเจ็บป่วยส่วนบุคคล หรือเสียชีวิตอันเป็นผลมาจากการรับวัคซีน รัฐบาลสหราชอาณาจักรและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น