ย้อนกลับไปเดือนสิงหาคมของปี 2021 ทาง Riot Games ทีมผู้พัฒนาเกม League of Legends ได้เซ็นสัญญาสปอนเซอร์มูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 348 ล้านบาท) กับสกุลเงินคริปโต FTX ที่พึ่งล้มละลาย หลังจาก ‘แซม แบงก์แมน-ฟรายด์’ (Sam Bankman-Fried) ผู้ก่อตั้งถูกจับข้อหาฟอกเงินและฉ้อโกงเมื่อไม่นานมานี้ โดยรายงานของ ‘มอลลี ไวต์’ (Molly White) จากสื่อ Web3 ได้เผยรายละเอียดสถานะของสัญญาดังกล่าวว่า สัญญานี้ควรจะมีผลถึง 7 ปี และเกี่ยวข้องกับทาง FTX จะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากให้กับ Riot

เริ่มจากปี 2022 ทาง FTX จะต้องจ่ายเงินทั้งหมด 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 436 ล้านบาท) ซึ่งพวกเขาได้จ่ายไปแค่ 6.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 218 ล้านบาท) และด้วยความที่ FTX ล้มละลาย แน่นอนว่า Riot จะไม่ได้รับเงินที่เหลือต่อจากนี้ พวกเขาเลยได้ทำการฟ้องศาลเมืองเดลาแวร์เพื่อขอให้สัญญาสปอนเซอร์ถือเป็นโมฆะ

ทั้งนี้ สำหรับใครที่ยังไม่รู้ ‘แบงก์แมน-ฟรายด์’ ก็เป็นหนึ่งในเกมเมอร์ที่ชอบเล่น League of Legends เป็นอย่างมาก จนครั้งหนึ่งได้ก่อประเด็นที่ทำให้ชาวเน็ตจับตามอง เพราะ ‘นีรัช อโรรา’ (Neeraj Arora ผู้ร่วมก่อตั้ง Sequoia บริษัทร่วมทุน) ได้เผยว่าแบงก์แมน-ฟรายด์เล่นเกมในประชุม Zoom ขณะที่ FTX กำลังล่มสลาย

การที่เขาชอบเล่น League of Legends ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ส่งผลทำให้ Riot Games อยากร่วมงานด้วย แต่ปัจจุบันหลังจากมีหลายภาพของแบงก์แมน-ฟรายด์กำลังเล่นเกมในสถานการณ์ต่าง ๆ ถูกเผยออกมา ก็ส่งผลทำให้เจ้าตัวถูกมองว่าไม่มีความรับผิดชอบจนส่งผลเสียต่อธุรกิจ

ทาง Riot จึงตัดสินใจพยายามตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับ FTX พร้อมให้เหตุผลว่า “การมีสปอนเซอร์เป็น FTX นั้นส่งผลต่อภาพลักษณ์ และชื่อเสียงที่ขึ้นอยู่กับฐานของลูกค้าของเราเป็นอย่างมาก ภาพของแบงก์แมน-ฟรายด์ที่กำลังเล่นเกม League of Legends อยู่นั้น แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวไม่มีความรับผิดชอบต่อเงินทุนของผู้ใช้บริการ, มีความประมาท และดูเหมือนเด็กที่ไม่มีวุฒิภาวะ”

ที่มา Kotaku, The Verge

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส