อีก 1 ก้าวสำคัญที่ “สิงห์” ได้ก้าวเข้ามา เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็ว มีธุรกิจเกิดใหม่มากมาย โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล หากมีแพลตฟอร์มที่ดี ตอบโจทย์ Pain point ของคน ก็จะสามารถสร้างการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนอาจกลายเป็นอีก 1 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในอนาคต ทําให้ “Singha Ventures” มองเห็น โอกาสในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนวัตกรรมและไอเดียธุรกิจเด็ดๆ ให้มีโอกาส “แจ้งเกิด” ในวงการ จึงเกิดก้าวที่ยิ่งใหญ่เมื่อ Singha Ventures เข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพดาวรุ่งทั่วโลก

“ภูริต ภิรมย์ภักดี” ประธานกรรมการบริหาร Singha Ventures เปิดเผยว่า บริษัทแสวงหา โอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจให้กว้างมากขึ้น สร้างความเจริญเติบโตในระยะยาวให้กับองค์กร เมื่อมองเทรนด์การลงทุนทั่วโลก พบว่าธุรกิจ “Start-ups” ถือเป็นหนึ่งใน New S-Curve หรือธุรกิจแห่งอนาคตที่น่าสนใจ เพราะสตาร์ทอัพมักมีแนวคิดที่แปลกใหม่ ตอบสนองการใช้ชีวิตในปัจจุบันได้เป็น อย่างดี ด้วยโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่ที่แตกต่าง แต่เจาะตลาดใหญ่ (Mass) ได้ ที่สําคัญสร้างการ เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในระยะเวลาอันสั้น

ปัจจุบัน สตาร์ทอัพที่มีไอเดียธุรกิจเจ๋งๆจนกลายเป็นดาวรุ่งเกิดขึ้นจํานวนมากอยู่ทั่วไทย ทั่วโลก และจํานวนไม่น้อยยังไม่มีผู้สนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น เงินลงทุน แนวคิดหรือไอเดียทางด้านการตลาด ฯลฯ ที่ทําให้ Singha Ventures มองเห็นโอกาสที่จะร่วมงานกับบรรดาสตาร์ทอัพดาวรุ่งเหล่านั้น ในฐานะ พาร์ทเนอร์ และพร้อมจะเป็นกลไกสําคัญช่วยติดไอพ่นให้ความคิดดีๆดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นจริง ต่อยอดเป็นโมเดลธุรกิจที่ผงาดและพลิกโลกได้เช่นเดียวกับธุรกิจสตาร์ทอัพชื่อก้องโลกหลายรายที่ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

จากปัจจัยข้างต้น ทําให้ปี 2560 บริษัทได้จัดตั้ง “Singha Ventures” ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital Fund หรือ CVC) มีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนการลงทุนในนวัตกรรมและ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสตาร์ทอัพดาวรุ่งระดับโลก (World Start-up) เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

สําหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ Singha Ventures ให้ความสนใจเข้าไปลงทุน ประกอบด้วย 3 กลุ่ม อดสาหกรรมหลักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่

  1. สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer products) ทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องปรุงรส รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
  2. เทคโนโลยีในการจัดการห่วงโซ่การผลิต(Supply chain) ด้านการขนส่งและการจําหน่ายสินค้า เช่น การขนส่งถึงลูกค้าปลายทางโดยตรง (last mile) การขนส่งระหว่างภาคธุรกิจ (business to business Solution : B2B) และการส่งสินค้าและบริการ e-Commerce
  3. ลงทุนในระบบหรือโปรแกรมต่างๆ เพื่อช่วยในการทํางานขององค์กร(Enterprise Solutions) เช่น Software as a Service (SaaS) Cloud Computing ระบบการจ่ายเงิน และระบบการให้สินเชื่อแก่คู่ค้า

นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างความสนใจในการลงทุนธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare) เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) เทคโนโลยีสําหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Property technology) และ Internet of Things (IoT) เป็นต้น และการลงทุนจะโฟกัสธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีโมเดล ธุรกิจชัดเจน มีตลาด และมีรายได้แล้ว(ระดับ Series A) และมีความเป็นไปได้ในการเขาเบลงทุน ระดบ Seed Funding stage หากธุรกิจดังกล่าวเป็นไอเดียที่โดดเด่น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีสามารถ นํามาพัฒนาต่อยอด เสริมศักยภาพองค์กร (Synergy) สิงห์ได้ และเป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรควบคู่กัน

ทั้งนี้ ปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปลงทุนแล้ว ในกองทุน 2 กองทุน (Fund of Funds ได้แก่ Kejora Ventures แพลตฟอร์มนระบบนิเวศน์ทางเทคโนโลยี (Technology ecosystem) ที่ ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสํานักงานใหญ่อยู่ที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย มีการ ลงทุนในธุรกิจแล้วกว่า 29 ธุรกิจ และ Vertex Ventures จากสิงคโปร์ มีเครือข่ายของบุคคลที่มีความรู้ และประสบการณ์ในวงการ Technology และ Venture Capital อย่างกว้างขวางทั่วโลก