อีก 1 โครงการที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างยาวในกับ “โครงการสำนึกรักบ้านเกิด” ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 10 ปีชูเเนวคิด “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน” หนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทำเกษตรแม่นยำและการตลาดออนไลน์ ส่งเสริมการสร้างเครือข่าย เปลี่ยนภูมิทัศน์ภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนปูทางสู่ประเทศไทย 4.0 จัดโดย อสมท. ร่วมกับมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กรมส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ และดีแทค

คุณ อเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค ได้ขึ้นกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยเฉพาะด้่นเกษตรกร เทคโนโลยีด้าน IoT ต่าง ๆ เริ่มมีบทบาทขึ้นมาเรื่อย ๆ ซึ่งกลุ่มคนสำนึกรักบ้านเกิดก็เริ่มนำเทคโนโลยีกลับไปเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวบ้านที่บ้านเกิดของพวกเขา เพื่อเพิ่มทั้งผลผลิตและมูลค่าของผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน ซึ่งการประกาศผลรางวัลครั้งนี้เป็นการเดินทางที่มาอย่างยาวนานมาก ฉันรู้สึกภูมิใจมาก ๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในงานครั้งนี้

นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขึ้นกล่าวว่า

ในปี พ.ศ.2561 กระทรวงฯ ได้กำหนดให้เป็น “ปีแห่งการยกระดับคน การบริหารจัดการ มาตรฐานสินค้าเกษตรสู่เกษตร4.0” สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรมีความรู้ความสามารถ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการการเกษตร ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าสินค้า มุ่งสู่การเป็นเกษตรกรผู้ประกอบการ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดในปีนี้ที่ว่า “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การดำเนินงานโดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างทักษะของเกษตรกรสู่ความเป็น Smart Farmer เพื่อให้เกษตรกรมีความเชี่ยวชาญ และนำความรู้ตลอดจนข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวโน้มการทำการเกษตรของโลก

ขอบคุณทาง อสมท. นำเรื่องดี ๆ ไปสู่เกษตรกร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เพราะปัญหาที่รุมเร้าเกษตรกรเหล่านี้มี 4 ด้านคือ

  1. ความเหลื่อมล้ำ
  2. ปัญหาด้านคุณภาพของผลผลิตทำให้ราคาตกต่ำ
  3. ปัญหาด้านผู้สูงอายุ
  4. ความแปรปรวณของสภาพภูมิอากาศ

ทางภาครัฐฯ เล็งเห็นวิธีการจัดการว่า การใช้เม็ดเงินไปแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรจะไม่เหมาะสมเพราะทำให้ตลาดปั่นป่วนและเสียงบดุลจำนวนมาก

สานพลังประชารัฐฯ ดูแลพี่น้องเกษตรกร ซึ่งภาครัฐฯ จัดให้มียุทธศาสตร์ 20 ปี สร้างฐานรากพี่น้องเกษตรชาวไทย เช่น การใช้เกษตรอัตลักษณ์ท้องถิ่น เกษตรแปรรูป และการทำเกษตรอัจฉริยะ

ปัจจุบันมีผู้นำที่ประสบความสำเร็จด้านการเกษตรแล้วกว่า 10,000 ราย และมีโครงการ Young Smart Farmer อีก 13,000 รายเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์และความสามารถด้านการเกษตรเพื่อต่อยอดจากรุ่นเก่าที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเรียนรู้เทคโนโลยีได้ยากและตามไม่ทัน เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรไทยตอบรับ Thailand 4.0

นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 โดยดำเนินตามรอยศาสตร์พระราชาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ภายใต้แนวคิด “พัฒนาชาติได้ ต้องพัฒนาคน” เพื่อมุ่งหวังเชิดชูเกษตรกรตัวอย่าง และขยายแนวคิดการเกษตรแบบครบวงจร

สำหรับในปีนี้ที่โครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 จึงได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน” โดยเป็นเกษตรกรที่มีคุณลักษณะที่ดีสำหรับผู้นำในยุคไทยแลนด์4.0 เป็นเกษตรกรที่มีความเป็นผู้นำ คิดเป็นระบบ มีความรอบรู้ นำไปประยุกต์และปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สามารถปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ได้อย่างรอบด้าน ภายใต้กรอบคิดและเป้าหมายเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน

“10 ปีของการดำเนินโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เชิดชูเกษตรกรต้นแบบที่มีศักยภาพ พร้อมแบ่งปัน และเกิดการสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรได้อย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น เราได้เห็นพลังเครือข่ายเกษตรกรที่ก่อเกิดสิ่งใหม่ในหลากหลายมิติ เห็นความเข้มแข็งในชุมชนที่เพิ่มขึ้น คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับอาชีพเกษตรกรมากยิ่งขึ้น” นายบุญชัยกล่าว

เส้นทางการพัฒนาภาคการเกษตรไทยจะยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนของกรมส่งเสริมการเกษตร และการต่อยอดพัฒนาจากภาคเอกชนอย่างดีแทคและบริษัทรักบ้านเกิด เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนผ่านเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดต่อไป

ผลการตัดสินเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด พ.ศ.2561

รางวัลชนะเลิศ

นางสาวพิมพ์วรัตน์ เรืองประชา เกษตรกรผู้บุกเบิกการปลูกพืชเมืองหนาวทั้งสตรอว์เบอร์รีและหม่อนในพื้นที่เขตร้อนอย่าง จ.สุพรรณบุรี บ้านเกิดของเธอ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีและงานวิจัยทางการเกษตรจากสถาบันวิจับเกษตรดอยปุยสามารถทำให้เป็นไปได้ สร้างความตื่นตาให้กับชุมชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวนวัตวิถี ไร่พิมพ์วรัตน์ สร้างรายได้ให้ชุมชน เป็นต้นแบบในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความคิดต่าง

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

นางสาวลลิดา คำวิชัย เกษตรกรชาวสวนมะม่วงแห่ง จ.สระแก้ว ในนาม “ไร่ ณ ชายแดน” ผู้นำในการรวมกลุ่มและพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงแก้วขมิ้นไร้สารเคมี ยึดหลักการตลาดนำการผลิต สร้างความเป็นเอกลักษณ์และสร้างรายได้ให้ชุมชน

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

นายอาญาสิทธิ์ เหล่าชัย เกษตรกรนาข้าว “อารยะฟาร์ม” จ.ร้อยเอ็ด ผู้นำความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นประยุกต์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ พลิกฟื้นผืนนาจากเกษตรเคมีสู่เกษตรอินทรีย์  นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำรวมกลุ่มวิสาหกิจผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ครบวงจร

รางวัลดีเด่น

นางสาวกนกวรรณ อรุณคีรีวัฒน์ เกษตรกรชาวสวนมะม่วงแห่ง จ.ราชบุรี เจ้าของไร่ “สุดปราย ที่สวนสุขจรัล” รวมกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ในชุมชน พร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชน

นายชยพล สุ่ยหล้า เกษตรกรชาวสวน “ซูโม่แฟมิลี่”แห่ง จ.ร้อยเอ็ด ผู้นำความรู้ในการปลูกถั่วลิสงมาประยุกต์กับเทคโนโลยี พร้อมแปรรูปสู่ผลิตภัณฑ์ รวมกลุ่มการผลิต สร้างรายได้ให้ชาวบ้านในฤดูทำนา

นางสาวปคุณา บุญก่อเกื้อ เกษตรกรสวนเมล่อน จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เริ่มทำเกษตรจากศูนย์ แต่มีใจรักและต้องการปลูกเมล่อนปลอดสารพิษ โดยนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้จนได้ผลผลิตคุณภาพสูง พร้อมกับเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เมื่อเวลาใครผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา จะต้องถามหา “บ้านสวนเมล่อน” ของเธอ

นายพิทักษ์ พึ่งเดช เกษตรกรสวนมะพร้าวแห่งบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการแปรรูป รวมทั้งพัฒนาต่อยอดผลิภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอม สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรในพื้นที่

นางสาวศิริพร เอี่ยววงศ์เจริญ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอินทรีย์จาก จ.พิจิตร ในชื่อ “บุญมาฟาร์ม” ที่สามารถชูจุดเด่นการทำเกษตรไร้สารเคมีจนสามารถส่งออกสู่ต่างประเทศ พร้อมต่อยอดปลูกสมุนไพรไทยส่งออก

นายสุระเทพ สุระสัจจะ เกษตรกรคนรุ่นใหม่จาก จ.บุรีรัมย์ ผู้ปลูกพืช ผักและผลไม้ปลอดภัย พร้อมเป็นโมเดลต้นแบบขยายสู่ชุมชน รวมกลุ่มตั้งวิสาหกิจชุมชน เป็นผู้นำเครือข่ายสินค้าเกษตรปลอดสารพิษส่งขายตลาดพรีเมี่ยมที่ใครๆ ก็รู้จักในชื่อ “ไร่เพื่อนคุณ”

นายอดุลย์ วิเชียรชัย เกษตรกรเจ้าของ “อดุลย์ คลองหลวง ฟาร์มเห็ด” แห่ง จ.ปทุมธานี ผู้เป็นต้นแบบศูนย์การเรียนรู้การทำเกษตรครบวงจร บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ พร้อมส่งเสริมเกษตรกรในชุมชน