สหภาพยุโรปผ่านกฎหมาย 2 ฉบับที่จะเขย่าวงการเทคโนโลยีในภูมิภาค ซึ่งก็คือกฎหมายการบริการดิจิทัล (Digital Services Act – DSA) และกฎหมายตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act – DMA)

กฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะมีผลไปยังบริษัทที่แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในภูมิภาค แต่มีการให้บริการในภูมิภาคด้วย

สำหรับ DSA มีผลครอบคลุมบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายประเภท ทั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมน ไปจนถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ โดยจะห้ามรูปแบบการโฆษณาในหลายประเภท อาทิ การโฆษณาที่มุ่งเป้าหมายไปย้งเยาวชน หรือการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์และอุดมการณ์ในการเข้าถึงผู้ใช้

DSA มีเนื้อหาสำคัญในการปกป้องผู้ใช้งานจากเนื้อหาผิดกฎหมาย ยกระดับกระบวนการแจ้งเบาะแส และให้สิทธิผู้ใช้งานในการร้องเรียนที่เพิ่มมากขึ้น กฎหมายฉบับนี้ได้รับการออกแบบมาให้สอดผสานกับกฎที่มีอยู่แล้วอย่าง GDPR และ ePrivacy Directive

ในขณะที่ DMA เป็นกฎหมายที่จะมุ่งใช้บังคับกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ EU ถือว่าเป็น ‘ผู้รักษาประตู’ (Gatekeeper) ซึ่งหมายรวมผู้ที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจของ EU มีบทบาทเป็นตัวกลางสำคัญทีเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและผู้ใช้งานจำนวนมาก และยังมีสถานะที่มั่นคงภายในตลาด ซึ่งมีแนวโน้มอย่างสูงที่ Google และ Apple จะเข้าข่ายนี้

โดยเมื่อ DMA มีผลบังคับใช้ คณะกรรมการยุโรปจะประเมินว่าบริษัทใดเข้าข่ายการเป็นผู้รักษาประตู จากการที่ให้บริษัทต่าง ๆ ยื่นข้อมูลมา

หากบริษัทนั้น ๆ เข้าเงื่อนไขการเป็นผู้รักษาประตู ก็จะมีเวลา 6 เดือนในการปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ ซึ่งบังคับให้บริษัทเหล่านี้ต้องมอบเสรีภาพแก่ผู้ใช้งานและผู้พัฒนาให้เป็นอิสระจากบริษัทยักษ์ใหญ่ อาทิ การที่จะต้องอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งแอปจากภายนอกร้านค้า หรือการห้ามไม่ให้บังคับนักพัฒนาแอปในการใช้บริการบางอย่างของบริษัทใหญ่

หากไม่ปฏิบัติตาม บริษัทที่เป็นผู้รักษาประตูเหล่านี้อาจถูกปรับเป็นเงินจำนวนสูงถึงร้อยละ 20 ของผลประกอบการประจำปี หรือสูงถึงร้อยละ 5 ของผลประกอบการรายวัน

ที่มา GamesIndustry.biz

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส