สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า อลิซาเบธ โฮล์มส์ (Elizabeth Holmes) ผู้ก่อตั้งบริษัท Theranos ได้ถูกตัดสินจำคุกกว่า 11 ปี ฐานฉ้อโกงนักลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีวินิจฉัยโรคจากการตรวจเลือดของเธอ ซึ่งคยมีมูลค่าสูงถึง 9,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 322,300 ล้านบาท

โฮล์มส์ได้อ้างว่าเทคโนโลยีของ Theranos นั้น สามารถวินิจฉัยโรคต่าง ๆ จากการตรวจเลือดเพียงไม่กี่หยด

ทั้งนี้ โฮล์มส์ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 38 ปี และกำลังตั้งครรภ์ ได้กล่าวต่อศาลว่า เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งจากการที่ได้หลอกลวงนักลงทุนเหล่านั้น และคาดว่าเธอจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลแคลิฟอร์เนียต่อไป

Elizabeth Holmes
ภาพจาก Wikimedia.org

ครั้งหนึ่ง โฮล์มส์เคยถูกคาดหวังว่าจะเป็น สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) คนต่อไป และหลายสื่อได้กล่าวว่าเธอเป็นได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก โดยเธอได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในวัย 19 ปี เพื่อก่อตั้งบริษัท Theranos เมื่อปี 2003 และภายหลังจากที่เธออ้างว่าสามารถคิดค้นเทคโนโลยีที่จะปฏิวัติการวินิจฉัยโรคได้ ก็ทำให้มูลค่าของ Theranos พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่เทคโนโลยีดังกล่าวของโฮล์มส์นั้นไม่สามารถใช้งานได้ จนทำให้เธอถูกฟ้องร้องหลายครั้ง และบริษัทก็ได้ปิดตัวลงไปในปี 2018

ในการพิจาณาคดีที่ศาลในซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนียนั้น อัยการได้กล่าวว่าเธอจงใจหลอกลวงแพทย์และผู้ป่วยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เรือธงของ Theranos ที่มีชื่อว่าเครื่อง Edison ซึ่งทางบริษัทอ้างว่าสามารถตรวจหาโรคมะเร็ง, เบาหวาน และโรคอื่น ๆ ได้ด้วยการใข้เลือดเพียงไม่กี่หยด

นอกจากนี้ โฮล์มส์ยังถูกกล่าวหาว่าได้แสดงผลประกอบการบริษัทที่สูงเกินจริงไปมากต่อผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินอีกด้วย

Elizabeth Holmes
อลิซาเบธ โฮล์มส์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Theranos ขึ้นบนเวทีในงานประชุมด้านเทคดนโลยี TechCrunch Disrupt เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2014 ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย : ภาพจาก Wikimedia.org

The New York Times ได้รายงานว่า โฮล์มส์ได้ถูกตัดสินจำคุกนานถึง 135 เดือน และอยู่ภายใต้การเฝ้าติดตามพิเศษนานอีก 3 ปี อีกทั้งอัยการเรียกร้องให้เธอชดใช้ค่าเสียหายให้นักลงทุนจำนวน 29 คน เป็นจำนวนเงินกว่า 800 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 28,600 ล้านบาท แต่ เอ็ด เดวิลา (Ed Davila) ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ประจำเขตเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ตัดสินใจเธอชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 121 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4,300 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุนจำนวน 10 คน

อ้างอิง(1), อ้างอิง(2)

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส