สำนักข่าว Reuters รายงานว่าพนักงานอัยการระดับรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาได้เตรียมหลักฐานที่เพียงพอต่อการดำเนินคดีกับ Binance และ ชางเพ็ง เจา (Changpeng Zhao) ผู้เป็นเจ้าของ แต่ถูกขวางโดยเจ้าหน้าที่บางส่วนของกระทรวงยุติธรรม (DOJ)

แหล่งข่าวทั้งที่เป็นอดีตที่ปรึกษาของ Binance และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในอดีตและปัจจุบันระบุว่า การที่รัฐบาลกลางจะฟ้อง Binance ได้นั้น พนักงานอัยการจาก 3 องค์กร ได้แก่ แผนกฟอกเงินและการเก็บกู้สินทรัพย์ (MLARS) สำนักงานอัยการในเมืองวอร์ชังตัน รัฐซีแอตเทิล และหน่วยบังคับใช้กฎหมายคริปโทเคอเรนซีแห่งชาติ (NCET) จะต้องตกลงร่วมกันเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ยังตกลงกันไม่ได้

โดย NCET และสำนักงานอัยการซีแอตเทิลตั้งใจที่จะดำเนินคดีกับ Binance แล้ว แต่ผู้บริหารของ MLARS พยายามยื้อเวลาเพื่อชั่งน้ำหนักของหลักฐานที่รวบรวมมาได้

สำหรับหลักฐานที่พนักงานอัยการรวบรวมมานั้น ชี้ให้เห็นว่าให้ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา Binance มีส่วนช่วยเหลือการทำธุรกรรมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านเหรียญ (ราว 348,000 ล้านบาท) ของอาชญากรและบริษัทเอกชนที่ต้องการเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันก็พยายามรักษามาตรการต่อต้านการฟอกเงินที่อ่อนแอไว้ในคราวเดียวกันด้วย

Reuters ยังรายงานอีกว่า Binance ได้ทุ่มทรัพยากรจำนวนมากเพื่อโน้มน้าว DOJ ไม่ให้ดำเนินคดีต่อบริษัทตน โดยมีแหล่งข่าวรายงานว่าทีมทนายความของ Binance แสดงความกังวลว่าการดำเนินคดีของ DOJ จะสร้างความเสียหายต่อตลาดคริปโทเคอเรนซีที่อ่อนแออยู่แล้วให้ทรุดลงไปอีก

ทั้งนี้ Binance ได้ออกมาปฏิเสธผ่าน Twitter โดยโต้รายงานของ Reuters ว่าทีมทนายของบริษัทไม่ได้มีส่วนเข้าไปพยายามแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด และมีส่วนร่วมในการต่อต้านการที่อาชญากรมาใช้ประโยชน์แพลตฟอร์มมาโดยตลอด

ที่มา Ars Technica

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส