รัฐบาลของ Trump ได้สร้างโครงการเครือข่ายสะอาด (Clean Network program) เพื่อปกป้องทรัพย์สินของประเทศ ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนและบริษัทจากการบุกรุกโดยผู้แสดงเจตนาร้าย เช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีน ด้วยการวางรากฐานมาตรฐานความเชื่อถือทางดิจิทัลโดยการร่วมมือจาก 30 ประเทศทั่วโลก สหภาพยุโรป NATO และภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

23 ตุลาคม บัลแกเรียเป็นสมาชิกที่ 27 จาก 30 ประเทศของ NATO ซึ่งได้ริเริ่มเข้ามาร่วมโครงการเครือข่ายสะอาดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และได้ลงนามในประกาศความปลอดภัยของเครือข่ายมือถือ 5G ร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อเป็นการรับรองว่าจะมีระบบการสื่อสารที่สะอาดและมีการป้องกันที่ปลอดภัยจากซัปพลายเออร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

Boyko Borissov นายกรัฐมนตรีของบัลแกเรียได้กล่าวว่าสหภาพยุโรปได้ให้แนวทางสู่เครือข่าย 5G ที่ปลอดภัยและควรสร้างขึ้นจากการแข่งขันที่เป็นธรรมและโปร่งใส

ส่วนแบ่งการตลาดของอุปกรณ์โทรคมนาคมทั่วโลกในปี 2019 ได้แก่ Huawei ที่ 28%, Nokia ที่ 16%, Ericsson ที่ 14%, ZTE ที่ 10% และ Cisco ที่ 7% (ข้อมูลการวิจัยโดย Dell’Oro Group) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์เครือข่ายของจีน Huawei และ ZTE นั้นกำลังมีอิทธิพลเหนือตลาดโครงสร้างพื้นฐาน 5G

สหรัฐฯ ได้อ้างว่าอุปกรณ์ของ Huawei และ ZTE เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงเพราะเป็นช่องทางในการสอดแนมให้กับหน่วยข่าวกรองของจีน จึงได้ประกาศแบนทั้งสองบริษัทและพยายามบอกให้พันธมิตรไม่ใช้อุปกรณ์ของทั้งสองบริษัทในเครือข่าย 5G

แม้บัลแกเรียประกาศว่าจะสร้างเครือข่าย 5G ที่มีการแข่งขันอย่างเท่าเทียม แต่หนังสือพิมพ์ของบัลแกเรีย capital.bg ได้อ้างถึง รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ Keith Krak ที่ได้มาลงนามข้อตกลงโครงการ Clean Network ร่วมกับบัลแกเรียที่เมืองโซเฟีย ซึ่งกล่าวว่า “เป้าหมายหลักของการริเริ่มนี้คือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทโทรคมนาคมของบัลแกเรียทั้งสามแห่งจะใช้ซัปพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ กล่าวคือ ไม่เลือก Huawei และ ZTE”

สรุปง่าย ๆ ว่าบัลแกเรียได้เป็นประเทศล่าสุดที่แสดงตัวให้เชื่อได้ว่าจะไม่ใช้อุปกรณ์ของ Huawei และ ZTE ในเครือข่าย 5G ถัดจากสวีเดนที่พึ่งประกาศแบน Huawei และ ZTE อย่างชัดเจนเมื่อ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา

ที่มา : reuters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส