Apple เปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A13 Bionic ตัวแรงที่ใช้ใน iPhone 11 ซีรีส์ หน้าจอ LCD ขนาด 4.7 นิ้ว กล้องตัวเดียว มีปุ่มโฮมและสแกนลายนิ้วมือ เปิดราคามาเริ่มต้นเพียง 14,900 บาท แต่ใครล่ะที่น่าเปลี่ยนมาใช้ iPhone SE รุ่นใหม่บ้าง?

คนที่ใช้ iPhone SE รุ่นแรก

หากคุณเป็นคนที่ใช้ iPhone SE รุ่นแรกที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2016 นี่คือเวลาดีสำหรับการอัปเกรดสมาร​์ตโฟนรุ่นใหม่ ด้วยความเหนือกว่าหลายด้าน ตั้งแต่หน้าจอที่ใหญ่กว่าขนาด 4.7 นิ้ว, CPU ที่แรงกว่าเท่าตัว และ GPU ที่แรงกว่า 4 เท่า เหมาะสมสำหรับเล่นเกมและทำงานมากกว่า กล้องหลังที่รองรับการถ่าย Portrait mode, รองรับการชาร์จแบตเตอรีไร้สาย รองรับการใช้งานสองซิม แถมได้กันน้ำกันฝุ่นเพิ่มมาอีก

ปัจจัยหนึ่งที่คนเลือกซื้อ iPhone SE (รุ่นแรก) เพราะเป็น iPhone ที่มีราคาถูก แต่สเปกก็ดูจะกั๊กไปเสียหน่อย แต่การเปิดตัว iPhone SE รุ่นปัจจุบันก็ดู Apple จะทุ่มทุนให้ iPhone รุ่นราคาถูกมากขึ้น

iPhone se

คนที่ใช้ iPhone 6, iPhone 7 และ iPhone 8

สำหรับ iPhone 6 นั้นเป็นรุ่นที่เปิดตัวมาก่อน iPhone SE ราวปีครึ่ง แน่นอนว่าด้านสเปกอย่างตัวชิปประมวลผลย่อมช้ากว่า iPhone SE อย่างไม่ต้องสงสัย การกระโดดจาก Apple A8 มาใช้ Apple A13 Bionic ในรูปทรงคล้ายเดิมจะสัมผัสความเร็วที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน

หรือแม้แต่การอัปเกรดจาก iPhone 8 ก็ยังดูน่าสนใจ เนื่องจากชิปประมวลผล Apple A13 Bionic มี CPU แรงกว่า Apple A11 ถึง 1.4 เท่า ส่วน GPU แรงกว่าสองเท่า แถมยังได้ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เหนือว่าเช่นกล้อง หรือการใช้งานสองซิมอีกด้วย

หากใครคิดว่า ความพรีเมียมระดับ iPhone 11 หรือ iPhone 11 Pro นั้นไม่มีความจำเป็น แต่ต้องการเครื่องที่ประมวลได้เร็ว แรง โดยเฉพาะด้านการเล่นเกมหรือประมวลผลกราฟิก iPhone SE 2020 นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ เลยล่ะครับ

แล้วใครที่ไม่เหมาะจะเปลี่ยนบ้าง

  1. คนที่ใช้ iPhone X และเคยชินกับไอโฟนรูปแบบใหม่ไปแล้ว
  2. คนที่เบื่อหน้าตา iPhone แบบเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ iPhone 6
  3. คนที่ใช้มือถือจอใหญ่กว่า 5 นิ้ว ซึ่งจะรู้สึกอึดอัดเวลาใช้มือถือจอแค่ 4.7 นิ้วของ iPhone SE 2 แป้นคีย์บอร์ดก็เล็กเถอะ

อ้างอิง AppleInsider

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส