SAP SE (NYSE: SAP) ได้ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมและการร่วมมือกันที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอนได้อย่างมั่นใจที่งาน SAP Sapphire ณ เมืองออร์แลนโด โดยภายในงาน SAP ได้ประกาศถึงความก้าวหน้าของระบบ AI ที่มีความแม่นยำสูงเพื่อใช้เป็นโซลูชันธุรกิจ ตั้งแต่เทคโนโลยีบัญชีจัดเก็บข้อมูลแยกประเภทเพื่อการติดตามคาร์บอน และเครือข่ายเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนความยืดหยุ่นของกระบวนการการจัดการการผลิต ซึ่ง SAP จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของตนในระบบคลาวด์ได้ จัดให้ความยั่งยืนเป็นศูนย์กลางของการดำเนินงาน และเพิ่มความคล่องตัวเพื่อบรรลุเป้าหมายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง 

“ในโลกที่ตลาดได้รับผลกระทบตลอดเวลา มีการเปลี่ยนแปลงของระเบียบข้อบังคับ และการขาดแคลนทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ลูกค้ายังคงหันมาใช้ SAP เพื่อหาโซลูชันที่ต้องการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนด้านต่าง ๆ ” คริสเตียน ไคลน์ (Christian Klein) ประธานกรรมการบริหาร ของ SAP กล่าว “นวัตกรรมที่เราได้เปิดตัวในงาน SAP Sapphire นั้นต่อยอดมาจากชื่อเสียงอันยาวนานด้านการพัฒนาองค์กรด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบจากประสบการณ์หลายทศวรรษในอุตสาหกรรมและความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการ เพื่อเป็นการรับประกันว่าลูกค้าของเราจะประสบความสำเร็จทั้งในปัจจุบันและในอนาคต”

AI สำหรับภาคธุรกิจ (AI Built for Business)

ในยุคของ AI ที่กำลังก้าวหน้า SAP มุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งของเทคโนโลยี AI สมรรถภาพสูงไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าลูกค้าจะสามารถแก้ไขปัญหาความท้าทายในทุก ๆ ด้านที่สำคัญต่อกระบวนการการทำงานของธุรกิจได้อย่างทันท่วงที

องค์กรสามารถใช้  SAP Business AI  ได้อย่างมั่นใจเนื่องจากโซลูชันนี้ถูกสร้างมาอย่างพิถีพิถันและมีความน่าเชื่อถือ และปัจจุบัน SAP ได้ประกาศถึงการเติบโตและความก้าวหน้ามากมายสำหรับ SAP Business AI ซึ่งรวมถึงนวัตกรรมที่สามารถปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า ทำให้การจัดซื้อมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถขยายกำลังขององค์กรในการค้นหาและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถในทรัพยากรบุคคลทั้งหมด

นอกจากนี้ SAP ยังใช้ความแข็งแกร่งของระบบนิเวศที่หลากหลายเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า โดยเมื่อวานนี้ บริษัทได้ประกาศถึงการพัฒนาก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งขั้นร่วมกับบริษัทพันธมิตรอย่าง Microsoft ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันผสานรวมโซลูชัน SAP SuccessFactors กับ Microsoft 365 Copilot และ Copilot ใน Viva Learning รวมถึง Azure OpenAI Service ของ Microsoft เพื่อเข้าถึงโมเดลภาษาที่มีประสิทธิภาพที่สามารถวิเคราะห์และสร้างภาษาได้แบบธรรมชาติ การผสานรวมโซลูชันเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงวิธีที่องค์กรดึงดูด รักษา และพัฒนาทักษะบุคลากรของตน

“เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน และเพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ข้อมูลคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้องค์กรมีความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI  เชิงสร้างสรรค์ เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนต่าง ๆ ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างอัตโนมัติ สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น และสามารถสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว ในขณะที่ยังให้ความยั่งยืนเป็นศูนย์กลางของการดำเนินงาน” อาตุล ตูลี (Atul Tuli) กรรมการผู้จัดการเอสเอพีประจำภูมิภาคอินโดไชน่า กล่าว

ก้าวสู่การใช้ระบบ Green Ledger 

เมื่อ 50 ปีก่อน SAP สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านระบบการเงิน ด้วย Enterprise Resource Planning (ERP) ปัจจุบัน SAP นำเสนอ R ใน ERP รูปแบบใหม่ ด้วยการเพิ่มคำนิยามของคำว่า Resource ให้ครอบคลุมไปถึงคาร์บอนด้วย 

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์และแรงกดดันที่มากขึ้นของบอร์ดบริหารในด้านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน องค์กรต่าง ๆ ต้องการระบบบัญชีสำหรับชี้วัดการปล่อยมลพิษที่ตรวจสอบได้ โปร่งใส และน่าเชื่อถือ เปรียบเสมือนและเทียบเท่ากับบัญชีทางการเงิน ด้วยระบบ SAP green ledger แบบใหม่ จะช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการประมาณค่าคาร์บอนไปสู่ข้อมูลจริง บริษัทต่าง ๆ สามารถจัดการอุตสาหกรรมสีเขียวของพวกเขาอย่างชัดเจน แม่นยำ และมั่นใจ เปรียบเสมือนกับรายได้และผลลัพธ์ทางธุรกิจขององค์กร

SAP ประกาศการพัฒนาของ  SAP Sustainability Footprint Management โซลูชันเดียวในการคำนวณและจัดการการปล่อยมลพิษแบบครบวงจรทั้งระดับองค์กร ภาพรวมของกระบวนการ และระดับผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ SAP ยังประกาศเปิดตัว SAP Sustainability Data Exchange ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่สำหรับองค์กรเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดการความยั่งยืนอย่างปลอดภัยกับคู่ค้าและผู้ผลิต เพื่อให้พวกเขาสามารถลดคาร์บอนจากกระบวนการการผลิตได้เร็วขึ้น   

SAP green ledger จะเป็นส่วนหนึ่งของ RISE with SAP และ GROW with SAP

นวัตกรรมที่ทั่วถึงในพอร์ตโฟลิโอ แพลตฟอร์ม และระบบนิเวศ ส่งเสริมความยืดหยุ่นขององค์กร

SAP ได้ประกาศถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ในพอร์ตโฟลิโอ อาทิ ความสำเร็จของ SAP Business Network แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมการทำงานร่วมกันของ B2B ซึ่งมีการค้าขายมูลค่ากว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้ SAP ได้ประกาศเปิดตัว SAP Business Network สู่อุตสาหกรรม ซึ่งข้อเสนอนี้ได้รวบรวมประโยชน์ของเครือข่ายกระบวนการจัดการการผลิตกับความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่ไม่เหมือนใครเข้าด้วยกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมการผลิต และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จะสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของกระบวนการจัดการการผลิตได้อย่างคล่องตัว

นวัตกรรมที่เปิดตัวใน SAP Business Technology Platform ช่วยเร่งการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทางธุรกิจได้เป็นอย่างมาก และจะเปิดใช้ระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติ ความก้าวหน้าของ SAP Signavio จะช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลกระบวนการที่สำคัญแบบเชิงลึกภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง การปรับเปลี่ยน SAP Integration Suite นำไปสู่การรวมตัวของทุกภาคส่วนในระบบ SAP และนอกเหนือจาก SAP ทั้งในระดับองค์กรและในระบบคลาวด์ นอกจากนี้ ความสามารถในการรวบรวมข้อมูลในระบบการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ลดกระบวนการลงอย่าง SAP Build จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจมีอำนาจในการกระตุ้นการใช้งานแบบระบบอัตโนมัติในกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมด

ในขณะที่องค์กรต้องเผชิญกับภาพรวมของข้อมูลที่แยกตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ SAP จึงต่อยอดจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภาพในการเฟ้นหาข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงด้วยการขยายความร่วมมือกับ Google Cloud โดยการนำเสนอข้อมูลแบบเปิดที่ครอบคลุมเหล่านี้ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างระบบคลาวด์ข้อมูลแบบ end-to-end ที่นำมาซึ่งข้อมูลจากทั่วทั้งองค์กรด้วยการใช้โซลูชันของ SAP Datasphere ร่วมกับระบบคลาวด์ข้อมูลของ Google

SAP มีความมุ่งมั่นกับความตั้งใจที่จะเพิ่มทักษะให้กับคน 2 ล้านคนทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2568เนื่องจากความต้องการของนักพัฒนามืออาชีพระดับแนวหน้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับความก้าวหน้าของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี อีกทั้งยังประกาศเปิดตัวโปรแกรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญ SAP ทั่วทั้งระบบนิเวศ เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องของลูกค้าในระบบคลาวด์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sapphire 2023 News Guide หรือติดตาม SAP บน Twitter ชื่อบัญชี @SAPNews