สถาบันบริการสุขภาพแห่งชาติของประเทศอังกฤษ (NHS) ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า วัยรุ่นหญิงชาวอังกฤษที่มีอายุระหว่าง 17-19 ปี มีโอกาสมีปัญหาด้านสุขภาพจิตมากกว่าเด็กผู้ชายในรุ่นเดียวกันถึง 23.9% และภาวะนี้จะถูกพบมากขึ้นตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลนี้ถูกทำการสำรวจในวัยรุ่นกว่า 9,000 คน และผ่านการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญในสถาบันสุขภาพพบว่า จำนวนตัวเลขของวัยรุ่นหญิงที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตอยู่ในภาวะที่น่ากังวล

กราฟแสดงการเปรียบเทียบแสดงปัญหาทางสุขภาพจิตตามเพศ และช่วงอายุ

ดร. Bernadka Dubicka นักจิตวิทยาจาก Royal College บอกว่าความเครียดจากภาพลักษณ์ การสอบ และผลกระทบด้านลบจากโซเชียลมีเดีย ส่งผลต่อตัวเด็ก ในขณะที่เด็กมีแนวโน้มที่จะตกเป็นเหยื่อของการถูกทำร้ายร่างกาย และข่มขืนอีกด้วย อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือการให้บริการทางด้านสุขภาพจิตเด็กยังคงมีช่องโหว่ในการให้บริการทางด้านนี้ และหากทิ้งปัญหานี้ไว้ ตัวเลขของเด็กที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตจะเพิ่มมากขึ้น และในกรณีที่ร้ายแรงอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ถึงจะเป็นเรื่องที่อธิบายยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีส่วน NHS ออกมาบอกว่า โซเชียลมีเดียส่งผลต่อสุขภาพจิตของเด็กอายุระหว่าง 11-19 ปีเป็นอย่างมาก และ 1 ใน 3 ของเด็กเหล่านี้ใช้เวลากับโลกโซเชียลมากกว่า 4 ชม./ วัน ในขณะที่เด็กที่ไม่มีปัญหาทางสุขภาพจิตใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย 2-3 ชม./ วัน และน้อยกว่านั้นในบางคน เด็กๆ ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตบอกว่าจำนวน ‘ไลค์’ มีผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกของพวกเขา และพวกเขาก็มักจะเอายอดไลค์ของตนเองไปเรียบเทียบกับคนอื่นในสังคมออนไลน์อีกด้วย นอกจากนี้ การถูกรังแกจากโลกออนไลน์ (cyber-bullying) ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักเช่นกัน ถึงแม้โซเชียลมีเดียจะมีผลในเชิงลบต่อเด็กเหล่านี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งไม่ดี

กุญแจสำคัญของภาวะปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่นคือเรื่องของความผิดปกติทางอารมณ์ และอารมณ์จะกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติอื่นๆ นักจิตวิทยายังกล่าวอีกว่า วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการพัฒนาบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมองของเราผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากการป้องกันเป็นวิธีที่ดีกว่าการรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนในสังคมจะต้องทำความเข้าใจกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ และช่วยกันป้องกัน

ในปี 2017-2018 ที่ผ่านมามีเด็กกว่า 325,000 คนที่เข้ารับการรักษา แต่มันก็คิดเป็นเพียงแค่ 3% ของทั้งหมด แต่จำนวนนี้ก็ขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่างทั้งตัวเด็กเองที่ไม่ยอมเข้ารับบริการ และปัญหาด้านการบริการของทางรัฐด้วย

ซึ่งในตอนนี้ทางรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการนำเงินสนับสนุนกว่า 20,000 ล้านเหรียญ มอบให้กับทางหน่วยงานเพื่อที่จะให้เด็กสามารถเข้าถึงการให้บริการทางด้านสุขภาพจิตได้มากยิ่งขึ้น โดยรัฐคาดว่าจะมีเด็กที่ได้รับบริการเพิ่มขึ้นอีก 70,000 คน ทีจะได้รับการบริการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ผู้อำนวยการของทาง NHS กล่าวว่าปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในการเข้าถึงการให้บริการเด็กของทางรัฐ ทุกคนที่ทำงานกับเด็กและเยาวชนไม่ว่าจะเป็นในภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคสมัคร ต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องสุขภาพจิตของเยาวชนด้วยเช่นกัน

อ้างอิง