realme เปิดตัว Neo7x จอ AMOLED, ชิป Snapdragon 6 Gen 4 ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,000 บาท
realme ได้เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่นในซีรีส์ Neo7 นั่นคือ Neo7x ที่ปรับลดสเปกลงเล็กน้อย แต่ย้งคงความพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงได้
แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทฯ Bybit ถูกโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากแฮกเกอร์สามารถขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลไปได้กว่า 1.5 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 50,000 ล้านบาท
ซึ่งการโจมตีครั้งนี้เจาะระบบ Cold Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเก็บสินทรัพย์แบบออฟไลน์ ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่ระบบของ Bybit ยังมีช่องโหว่ถูกโจมตีได้
จากข้อมูลของ Elliptic บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ระบุว่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Ether (ETH) ถูกโอนไปยังกระเป๋าต่าง ๆ หลายแห่งและถูกแปลงเป็นเงินสดอย่างรวดเร็ว ซึ่งถูกโอนกระจายไปยังกว่า 40 กระเป๋าเงิน ก่อนถูกขายออกอย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ
บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Elliptic และ Arkham Intelligence ติดตามเส้นทางของสินทรัพย์ที่ถูกขโมย และระบุว่าการแฮกครั้งนี้เชื่อมโยงไปยัง Lazarus Group กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งเคยขโมยเงินหลายพันล้านเหรียญจากอุตสาหกรรมคริปโทฯ โดยกลุ่มนี้มักใช้เทคนิคการฟอกเงินขั้นสูงเพื่อปกปิดเส้นทางของเงิน
โดยการแฮกครั้งนี้ใหญ่กว่าการปล้นคริปโทฯ ครั้งก่อนหน้าอย่างมาก เช่น Poly Network ที่สูญเงิน 611 ล้านเหรียญ ในปี 2021 และ Binance ที่ถูกโจมตีมูลค่า 570 ล้านเหรียญ ในปี 2022
เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้ผู้ใช้ Bybit แห่ถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มทันทีจากความกังวลเรื่องสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม โจว ยืนยันว่าเงินทุนของบริษัทเพียงพอรองรับการถอน และสถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
เบน โจว (Ben Zhou) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bybit ออกมายืนยันผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “กระเป๋า Cold Wallet อื่น ๆ ยังคงปลอดภัย และการถอนเงินยังเป็นปกติ” พร้อมระบุว่าแพลตฟอร์มได้ จัดหาเงินกู้สะพาน (Bridge Loan) จากพันธมิตรที่ไม่เปิดเผย เพื่อรองรับการขาดทุนที่ไม่สามารถกู้คืนได้