เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของ Google ที่ดูแลในส่วนของ ‘Search’ ซึ่งเป็นบริการหลักของบริษัทได้ออกมายอมรับข่าวที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเหล่า Gen Z เริ่มหันออกไปใช้บริการค้นหาข้อมูลในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กำลังร้อนแรงอย่าง TikTok มากยิ่งขึ้น ผู้บริหารของ Google เองก็ยอมรับว่านี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากที่ครอบครองตลาด ‘Search Engine’ มานานกว่าสองทศวรรษ ครองส่วนแบ่งรายได้ของตลาดปีล่าสุดกว่า 92.47% และไม่มีท่าทีว่าจะมีใครมาล้มได้ง่าย ๆ

พราบาคาร์ แรกฮาแวน (Prabhakar Raghavan) รองประธานอาวุโสของ Google ซึ่งรับผิดชอบผลิตภัณฑ์ Google Search, Assistant, Geo, Ads, Commerce และ Payments ได้กล่าวเอาไว้ที่การประชุม “FORTUNE Brainstorm Tech 2022” ของ Forbes ว่า 40% ของเด็กรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 18-24 ปีนั้นเวลาจะหาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยงจะใช้ Instagram และ TikTok สำหรับการค้นหา แทนที่จะเป็น Google Maps หรือ Google Search เหมือนอย่างเมื่อก่อน

ผ่านมาถึงปลายเดือนกันยายน Google ได้ออกมาประกาศถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นทั้งในบริการค้นหาและแผนที่ ที่เพิ่มฟีเจอร์ให้มีการแสดงรูปภาพและวิดีโอในการค้นหามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญรวมถึงวิดีโอบน TikTok ด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นความพยายามที่จะดึงเอาผู้ใช้งานอายุน้อยกลับมาใช้บริการของบริษัทอีกครั้งหนึ่ง

การออกมาปรับเปลี่ยนของ Google เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ TikTok ที่กำลังร้อนแรง บริษัทเทคโนโลยีหลายต่อหลายแห่งอย่าง Snap, Meta และ Twitter ทั้งบ่น ทั้งก๊อปปี้ และตอนนี้หน้าตาเว็บไซต์ที่แสดงผลการค้นหาของ Google Search ที่อยู่กับเรามานานก็เริ่มได้รับแรงบันดาลใจจาก TikTok มาด้วยเช่นเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงอันหนึ่งที่เราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในหน้าของการค้นหา (อย่างเช่นลองค้นหาสถานที่ดัง ๆ อย่าง “Westminster”) แทนที่จะเป็นลิงก์สีฟ้า ๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกันมานานนั้น หน้าแรกของการค้นหาจะมี “Immersive View” ที่จะทำให้เราเห็นสภาพแวดล้อมตรงนั้นแบบเป็น 3D มองเห็นพื้นที่รอบ ๆ เหมือนถ่ายจากโดรน ซึ่งจะทยอยเปิดให้ใช้ในพื้นที่เมืองใหญ่ ๆ ก่อนอย่าง ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว ฯลฯ นอกจากนั้นแล้วจะมีผลการค้นหาที่มีความคล้ายคลึงกับฟีดของโซเชียลมีเดียมากกว่าเป็นแค่ลิสต์ของลิงก์ที่ไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่มาจาก Instagram, TikTok และแน่นอน YouTube Shorts ด้วย

เคธี เอ็ดเวิร์ดส์ (Cathy Edwards) รองประธานของ Google อธิบายถึงเหตุผลที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาแรงบันดาลใจบน Google ได้ ไม่ใช่แค่การค้นหาข้อมูลหรือคำตอบสำหรับอะไรบางอย่างเท่านั้น เธอบอกว่า “เราทราบว่ามีผู้ใช้กลุ่มหนึ่งที่ชอบผลลัพธ์ที่พวกเขาเห็นบน TikTok มาก ๆ และฉันคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ TikTok ลดอุปสรรคในการสร้างเนื้อหา ดังนั้นจึงมีเนื้อหาที่ดีอยู่ที่นั่น เรากำลังมองหาวิธีต่าง ๆ ที่จะนำสิ่งนั้นมาสู่ผลลัพธ์ในการค้นหาของเรา”

การแสดงผลแบบนี้ในช่วงแรก ๆ จะจำกัดอยู่แค่บน iPhone และคำค้นหาในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยว ลองค้นหา ‘Chiang Mai’ บน iPhone ดูก็ได้ครับ เราจะเห็นผลลัพธ์ที่แปลกตาออกไปจากเดิมมาก มีคำค้นหาแนะนำที่จะเหมาะสำหรับพื้นที่นั้น ๆ ด้วยอย่างเลื่อนลงมาก็จะมี ‘Things to do’ ซึ่งก็เป็นกิจกรรมที่ขึ้นชื่อ มีข่าวสารที่มาจากแหล่งข่าวต่าง ๆ เป็น ‘Top Stories’ และกิจกรรมตรงส่วน ‘Events’ หรือแม้แต่ ‘Twitter’ เกี่ยวกับหัวข้อที่ค้นหาก็จะขึ้นมาเช่นกัน

Neighborhood Vibe

ที่น่าจับตามองอีกอย่างเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือสิ่งที่เรียกว่า ‘Neighborhood Vibe’ ซึ่งเป็นการรับมือกับการที่คนรุ่นใหม่ค้นหาร้านอาหารบน TikTok อย่างชัดเจน มันจะแสดงให้เห็นว่าร้านไหนตรงไหนกำลังเป็นเทรนด์ในพื้นที่ แสดงสถานที่สำคัญ ๆ และรูปภาพจากรีวิวที่ได้รับมาบน Google Maps เพราะผู้ใช้งานรุ่นใหม่ ๆ ตอบสนองดีกว่ากับผลลัพธ์ที่เป็น ‘Visual’ หรือมองเห็นได้ เนื่องจากรับข้อมูลได้เร็วและง่ายขึ้น โดยจะใช้การตัดสินใจของมนุษย์ร่วมกับอัลกอริทึมว่าคอนเทนต์แบบไหนควรแสดงขึ้นมาเมื่อใด

การเปลี่ยนแปลงของ Google นอกจากจะเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับ TikTok ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแล้ว ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้บริการค้นหาของผู้ใช้งานดียิ่งขึ้นไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้จะมีการเพิ่มส่วนที่เป็นบทความแนะนำจากกระทู้อย่าง Reddit หรือการนำรูปถ่ายของอาหารมาค้นหาว่าอาหารแบบนี้มีร้านไหนขายบ้างในละแวกนี้ (เช่น อยากกินต้มยำกุ้งตอนอยู่ลอนดอนก็เอารูปต้มยำกุ้งไปค้นหาก็จะเจอร้านที่ขายอาหารแบบนี้) และยังโชว์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ของ AR (Augment Reality) บน Google Maps ที่ช่วยแสดงข้อมูลสำคัญ ๆ อย่างสถานีขนส่งมวลชนหรือตู้เอทีเอ็ม เพิ่มเติมจากที่แสดงเพียงถนน, เส้นทางเดิน และธุรกิจต่าง ๆ ระหว่างทาง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Google ต้องเผชิญหน้ากับการถูกคุกคามจากคู่แข่งที่มาแย่งพื้นที่ของตลาดการค้นหาข้อมูล หลายปีก่อนหน้านี้ Amazon บริษัท e-Commerce ยักษ์ใหญ่ของโลกก็แย่งส่วนแบ่งการค้นหาข้อมูลการค้นหาเมื่อลูกค้าอยากซื้อของไปบ้างเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ถ้านับแค่ในประเทศอเมริกาแล้ว Amazon ถือเป็นอันดับหนึ่งเวลาคนค้นหาของตอนช้อปปิ้งออนไลน์ แต่ตอนนี้ Google เองก็พยายามแก้เกมตรงนี้ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า ‘Google for Retail’ ที่คนขายสามารถลิสต์สินค้าของตัวเองได้และเวลาคนค้นหาก็สามารถขายได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันใด ๆ ซึ่งในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นผล คนกลับมาค้นหาบน Google มากขึ้น ทั้งคนขายและคนซื้อเลย

การปรับตัวอย่างรวดเร็วของ Google แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่เคยนิ่งนอนใจเมื่อเริ่มเห็นการถูกคุกคามจากคู่แข่งในพื้นที่ธุรกิจหลักของพวกเขา พร้อมจะทุ่มเทสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ ขึ้นมารับมือและบางทีก็ใช้เงินจ่ายคู่แข่งเพื่อไม่ให้เข้ามายุ่มย่ามก็มีเช่นเดียวกัน (เพราะอย่าลืมว่าทุกปี Google ต้องจ่ายเงินให้กับ Apple หลายพันล้านเหรียญต่อปีเพื่อให้พวกเขาเป็นบริการค้นหาที่ตั้งค่ามาจากโรงงานและเพื่อให้มั่นใจว่า Apple จะไม่ทำบริการค้นหาข้อมูลออกมาแข่งด้วย)

Google แม้ยังเป็นเจ้าของบริการค้นหาข้อมูลบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่ก็ถือว่าเจอแรงกดดันอยู่ตลอด ทั้งคู่แข่งที่เกิดขึ้นใหม่ ทั้งเรื่องกฎหมายการผูกขาดตลาดที่ต้องเจอการฟ้องร้องอยู่เป็นระยะ ๆ อย่างตอนนี้ทั้งทางฝั่งยุโรปและอเมริกาก็มีการฟ้องว่าบริษัทเอื้อผลลัพธ์การค้นหาที่มาจากบริการของตัวเองมากกว่าที่อื่น ทำให้ไม่แฟร์สำหรับเว็บไซต์อื่นหรือบุคคลทั่วไปด้วย ซึ่งถ้ากฎหมายข้อนี้ผ่าน Google ก็คงต้องชะลอการแสดงผลที่มาจากบริการของตัวเองอย่าง YouTube Shorts แล้วไปเน้นให้กับ Instagram หรือ TikTok มากขึ้น

TikTok เองแม้ไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือออกตัวว่าจะแข่งขันในพื้นที่นี้โดยตรง แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วครับว่าไม่ใช่แค่โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram หรือ YouTube เท่านั้นที่ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับ TikTok ให้ได้ ทางฝั่ง e-Commerce อย่าง Lazada หรือ Shopee เองก็กระทบหลังจากที่ TikTok เปิดช่องทางให้คนขายของบนแพลตฟอร์มของตัวเองได้

Google ยังคงมีศึกหนักที่รออยู่ ต้องมารอดูกันครับว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะดึงผู้ใช้งานรุ่นใหม่ ๆ กลับมาได้จริงไหม และถ้าไม่ได้ผลที่ตามมาจะเลวร้ายขนาดไหน

ที่มา:
Wired 1 TechCrunch Fortune Wired 2
Wired 3 Wired 4 Google
Business Insider Beartai YouTube

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

คลายสงสัยบรรดาทาส ทำไมน้องหมาน้องแมวต้องหมอบแล้วเหยียดขาหน้าก่อนเข้ามาหาเรา

ต้องบอกก่อนหมาและแมวหลายตัว แต่ไม่ใช่ทุกตัวนะครับ จะมีกิริยาคล้าย ๆ กัน คือไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นเจ้าของแล้วพอเข้ามาใกล้เรา น้องก็จะย่อตัวแล้วเหยืยดขาคู่หน้าแล้วยืดสุด ...อ่านต่อ

ผู้เชี่ยวชาญพบมัลแวร์ส่วนใหญ่ยังคงมุ่งโจมตี Windows ตามด้วย Linux และ macOS

Atlas VPN บริษัทผู้ให้บริการด้านไอทีและวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าร้อยละ 95.6 ของตัวอย่างมัลแวร์ใหม่ที่พบในปี 2022 มุ่งเป้าโจมตีระบบปฏิบัติการ Windows

TTArtisan เปิดตัว 11mm F2.8 ED เลนส์ Fisheye สำหรับกล้อง Full frame DSLR

เลนส์ DSLR ยังไม่ตาย ค่ายเลนส์อิสระ TTArtisan ประกาศเปิดตัว '11mm F2.8 ED' เลนส์มือหมุนมุมกว้างแบบ Fisheye สำหรับกล้องฟูลเฟรม DSLR รองรับเมาท์ Canon EF และ Nikon F ในราคาประหยัด

ฟิล์มใหม่ Ilford Kentmere Pan 100 และ Pan 400 เวอร์ชัน 120 สำหรับสายขาวดำ

Harman Technologies หรือที่เรารู้จักกันในชื่อแบรนด์ฟิล์ม Ilford ล่าสุดได้ประกาศเปิดตัวฟิล์มขาวดำ 'Kentmere Pan 100' และ 'Pan 400' เวอร์ชัน 120 ...อ่านต่อ

Play video
Video
feature

พลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย ถ้าใช้ให้ถูกวิธี

รายงานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ระบุว่ามีพลาสติกใช้แล้วเพียงร้อยละ 9 เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิล โดยส่วนใหญ่จะถูกนำไปทิ้งในหลุมฝังกลบหรือไม่ก็เผาเพื่อเป็นพลังงาน ...อ่านต่อ