ปี 2562 การบินไทยแบกหนี้กว่า 1.4 แสนล้านบาท ก่อนถูกพายุโควิด‑19 ซัดซ้ำจนในปี 2563 ต้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ แต่วันนี้ “แผนฟื้นฟูกิจการ” ได้ดำเนินการครบทุกเงื่อนไข โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 41,515 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) (EBIT Margin) 22.1%
ปัจจุบันการบินไทยกลับมาพร้อมด้วยตัวเลขส่วนของผู้ถือหุ้นที่เป็นบวกอยู่ที่ 55,439 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2568 จากการติดลบถึง 43,352 ล้านบาทในปี 2566 และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing Debt to Equity) 2.23 เท่า ซึ่งดีขึ้นอย่างมากจากก่อนเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ ณ สิ้นปี 2562 ที่ 12.52 เท่า อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการในช่วงที่ผ่าน สะท้อนถึงสถานะทางการเงินและโครงสร้างทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมต่อยอดสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

เตรียมพาหุ้นการบินไทยโบยบินกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้
สัญญาณฟ้าใหม่ของการบินไทยมาถึงแล้ว โปรดรัดเข็มขัด ปรับพนักพิงที่นั่งให้ตรง เก็บชั้นวางหน้าที่นั่ง เตรียมเทคออฟ Fly to The New High ไปพร้อมกัน
ฟ้าใหม่ของการบินไทย การเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมคำถาม
การกลับมาของการบินไทยในครั้งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่ปี และการโบยบินครั้งใหม่ด้วยมาตรฐานใหม่ของการบินไทยทำให้เกิดคำถามมากมาย
แผนเพิ่มจำนวนเครื่องบินระยะยาวเป็น 150 ลำ = กลับไปขาดทุน ?
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของการบินไทยที่สำคัญคือการมีแผนระยะยาวที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินเป็น 150 ลำ ในปี 2576 ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า การเพิ่มจำนวนเครื่องบินมากขนาดนี้ จะนำพาการบินไทยยุคใหม่กลับไปสู่จุดขาดทุนเช่นก่อนหน้านี้หรือไม่
ต้องบอกว่าในปัจจุบันการบินไทยมีเครื่องบินเพียง 78 ลำ ลดลงจาก 103 ลำก่อนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในปี 2563 ซึ่งไม่เพียงพอในการรองรับกับความต้องการของตลาดธุรกิจการบินที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกลยุทธ์การปรับฝูงบินจึงจะช่วยขยายขีดความสามารถในการแข่งขันของการบินไทย และส่งผลดีต่อต้นทุนในหลายมิติ
จากการมุ่งลดจำนวนแบบเครื่องบินจาก 8 แบบ เหลือเพียง 4 แบบ และแบบเครื่องยนต์เหลือจาก 9 แบบ เหลือ 5 แบบในระยะยาว ทำให้สามารถใช้ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการการใช้งานเครื่องบิน ตลอดจนบุคลากรที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ระหว่างแบบเครื่องบิน (Common Fleet)
ทำไมไม่รีบจ่ายหนี้ก่อน ?
แม้การบินไทยจะกลับมามีผลประกอบการที่ดีและได้กำไรอีกครั้ง บางส่วนก็เกิดความสงสัยเรื่องการจัดเรียงความสำคัญในการบริหารว่าทำไมการบินไทย ถึงเลือกที่จะวางแผนจัดหาเครื่องบินเพิ่ม พร้อมใช้เงินไปกับการปรับรูปแบบบริการมากกว่าการชำระหนี้ โดยภาระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลล้มละลายกลางพิจารณาว่าเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการอยู่ที่ประมาณ หนึ่งแสนสี่หมื่นล้านบาท (คำสั่งในคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้บางรายยังไม่ถึงที่สุด)
การบินไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการหนี้สินอย่างมีวินัย เจรจาเงื่อนไขการชำระหนี้กับเจ้าหนี้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะทางธุรกิจในช่วงฟื้นตัว โดยไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการลดยอดหนี้ลง (Hair Cut) ในส่วนหนี้เงินต้นของเจ้าหนี้ทางการเงินและเจ้าหนี้การค้า ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ของการบินไทย ตลอดจนได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการแปลงหนี้เป็นทุนในปี 2567
ปัจจุบัน การบินไทยมีหนี้คงเหลืออยู่ที่ประมาณ 95,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้ระยะเวลาการชำระหนี้ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยมีดอกเบี้ยในอัตราที่สามารถแข่งขันได้ซึ่งการบินไทยได้แสดงความจริงใจและความหนักแน่นผ่านการชำระหนี้ที่ตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าวมาโดยตลอดโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด ทั้งยังมีการวางแผนลงทุนอย่างรอบคอบเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว รวมทั้งการเติบโตของรายได้ในการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อการจัดการด้านการเงินในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
การบินไทยใช้เงินจากภาษีประชาชน ?
แม้ว่าในช่วงต้นของวิกฤตการณ์การบินไทยที่เราทุกคนได้เห็น การบินไทยได้ขอการสนับสนุนเงินกู้จากภาครัฐเพื่อรักษาสภาพคล่อง แต่ท้ายที่สุดการบินไทยไม่ได้รับเงินอุดหนุนรัฐใด ๆ โอกาสนี้กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การบินไทยเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ จากรัฐวิสาหกิจสู่บริษัทเอกชนเต็มตัว ลดขั้นตอน โครงสร้างที่ซ้ำซ้อน ปรับทีมให้กระชับ ทำงานเร็วขึ้น และใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมทบทวนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และยกระดับระบบตรวจสอบภายในให้โปร่งใสยิ่งขึ้น จากวิกฤติที่กลายเป็นโอกาสในการรีเซตองค์กรสู่มาตรฐานใหม่
มาตรฐานใหม่ของการบินไทย และที่สุดแห่งประสบการณ์บนอากาศยาน
เมื่อปลดล็อกคำถามที่หลายคนสงสัยและคาใจต่อการบินไทยแล้ว มาสัมผัสกับประสบการณ์การบริการแบบใหม่ของการบินไทยที่เปลี่ยนโฉมการบินไทยแบบเดิม ๆ ให้กลายมาเป็นสายการบินที่ทันสมัยในทุกมิติ และรักษาการบริการแบบฉบับของการบินไทยที่เป็นหัวใจสำคัญเอาไว้ดังเดิม
สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องโดยสาร เริ่มจากการปรับปรุงห้องโดยสารในเครื่องบินทางเดินเดียวอย่าง A320 เปลี่ยนที่นั่งชั้น Royal Silk Class เป็นแบบ 2-2 เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นในเที่ยวบินสั้น ๆ พร้อมระบบ Wireless-IFE ที่ให้เพลิดเพลินกับความบันเทิงระหว่างเที่ยวบิน พร้อมกับเตรียมรับมอบเครื่องบินทางเดินเดียวเครื่องใหม่ปลายปี 2568 นี้ A321neo กับที่นั่งแบบใหม่ ใน Royal Silk Class ซึ่งเป็นที่นั่งสามารถปรับเอนราบได้ 180 องศา จัดแบบ 2-1-2 พร้อมจอภาพส่วนตัวทุกที่นั่ง
การให้บริการในห้องโดยสารที่ปรับใหม่ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องที่ผ่านการรังสรรค์และสะท้อนความเป็นไทยมาเป็นอย่างดีเพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษ รวมถึง Amenity Kit สุดพรีเมียมทั้งคุณภาพและดีไซน์ที่คอลแลบร่วมกับแบรนด์ ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้การบินไทยมุ่งสู่การเป็นสายการบินเครือข่าย (Network Airline) ชั้นนำของภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทยซึ่งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับโครงข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุม และโครงสร้างพื้นฐานสนามบินที่ทันสมัย เพื่อมอบการเชื่อมต่อระดับโลกอย่างไร้รอยต่อ โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางหลักของการเชื่อมต่อทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างทวีป
กลยุทธ์ใหม่ของการบินไทยในครั้งนี้ ยังได้นำระบบหลังบ้านเข้ามาช่วยในการยกระดับการบริการที่เป็น Personalized Service มากขึ้นอย่าง Cabin Connect ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกทั้งสำหรับลูกเรือที่นำข้อมูลการบริการของผู้โดยสารเพื่อสร้างการดูแลสุดพิเศษและรู้ใจ การประสานงานกับฝ่ายอื่น ๆ ได้อย่าง Seamless เช่น ฝ่ายครัวการบิน ฝ่ายบริการภาคพื้น และฝ่ายช่าง เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทาง และสำหรับผู้โดยสารซึ่งจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและสะดวกสบายยิ่งขึ้นจากการเปิดตัว Mobile Application และ Website โฉมใหม่ ตั้งแต่
- การจองและจัดการตั๋ว: ที่ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วเครื่องบิน เลือกที่นั่ง และจัดการการจองต่าง ๆ ได้ผ่านทางออนไลน์และแอปพลิเคชันของการบินไทย และสำหรับผู้โดยสารที่เป็นสมาชิก Royal Orchid Plus ยังสามารถจัดการไมล์ได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยตัวเอง
- การเช็กอินออนไลน์: ผู้โดยสารสามารถติดตามสถานะเที่ยวบิน ผ่านการแจ้งเตือนแบบ Real-Time พร้อมทั้งเช็กอินล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์ได้ ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากที่สนามบิน.
การเข้าถึงโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ: ผู้โดยสารสามารถรับทราบโปรโมชั่น ส่วนลด และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่การบินไทยมอบให้และเพื่อความมั่นใจแทนคำมั่นสัญญาของการบินไทยเพื่อการก้าวไปอย่างยั่งยืน
ทางการบินไทยได้มีการบริหารจัดการต้นทุนและความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว พร้อมการติดตามและควบคุมอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกการโบยบินครั้งใหม่นี้ ว่า Fly to The New High ToGether ที่ได้พูดถึงไม่ใช่เพียงเพดานในการบิน แต่เป็นมาตรฐานและการบริการที่สูงขึ้นกว่าครั้งไหนในประวัติศาสตร์ของการบินไทย ที่อยากชวนทุกคนร่วมบินทะยานสู่สายการบินแนวหน้าระดับโลกที่คนไทยภาคภูมิใจอีกครั้ง
| ข้อมูล ณ มิ.ย. 2568