บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งยิ่งใหญ่ ยกทัพยนตรกรรมพรีเมียมจากบีเอ็มดับเบิลยูจากหลายซีรี่ส์มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ทีมงานแบไต๋ได้ทดลองขับครบทุกซีรี่ส์ตั้งแต่ตัวเล็กสุด ไปจนตัวท็อป ๆ บอกเลยว่ารถรุ่นใหม่นี้เครื่องแรงตอบสนองทีมงานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้ทดสอบเทคโนโลยีใหม่ BMW ConnectedDrive ที่เชื่อมรถเข้ากับสมาร์ทโฟนได้อย่างดี

ประสบการณ์ขับขี่รถ BMW จากทีมงานแบไต๋

จากที่ทีมงานแบไต๋ได้เข้าร่วมสัมผัส BMW ทุกซีรีส์ที่มาจัดใชว์ในงานนั้น แต่ละซีรีส์ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างกันไป แต่ทุกรุ่นก็ยังแฝงความเป็นสปอร์ตครบถ้วน เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นโดยเฉพาะ BMW ConnectedDrive ที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี

ทุกรุ่นมีสมรรถนะการขับขี่ที่จัดจ้าน ช่วงล่างหนึบตามสไตล์ BMW โดยเฉพาะรุ่น M SPORT ที่ออกแบบเซตช่วงล่างมาดีมาก ช่วงล่างเฟิร์มแน่นแต่ไม่กระด้าง พวงมาลัยคมควบคุมแม่นยำ ข้อสังเกตรุ่น 520d sport เมื่อเข้าโค้ง ยังมีอาการหวิวๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด และทีมงานได้มีโอกาสลองขับ Slalom test ของเจ้าตัว M2 coupe ที่จะต้องขับซิกแซกผ่านไพล่อนเพื่อลอง Handling ที่ความเร็ว 60 กม./ชม (ในโหมด sport+) ถือว่าหนึบควบคุมง่าย เบรคสั่งได้ดั่งใจ ตัวนี้ถึงแม้จะเป็นตระกูล M น้องเล็ก แต่ก็จัดเต็มทุกการขับขี่ เรามาดูกันว่ามีรุ่นไหนบ้างที่มีให้ทดลองขับ

BMW 320d M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport  เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 7.2 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

BMW 330e M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport  รุ่นนี้ประหยัดน้ำมันด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ BMW TwinPower Turbo สามารถส่งกำลังสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร  ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 65 กิโลวัตต์ / 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกันระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อให้ขับขี่ ได้สนุก ทันใจ

โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนโหมดไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตรและลดระดับมลภาวะในการขับขี่อัตราการปล่อย CO2 ที่ 42 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

BMW 430i Convertible M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมมอบกำลังสูงสุด 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 147 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.3 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

BMW 520d Sport

บีเอ็มดับเบิลยู 520 Sport เครื่องยนต์ดีเซล BMW TwinPower Turbo 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เพียง 132 กรัมต่อกิโลเมตร

BMW 530e M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุดถึง 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า มาพร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 290 นิวตันเมตร ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์ / 133 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร เมื่อร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังรวมสูงสุดถึง 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุดกว่า 420 นิวตันเมตร ด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 41 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เวลาเพียง 6.2 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

BMW 630d GT M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบที่เป็นหัวใจของบีเอ็มดับเบิลยู เสริมกำลังด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ล้ำสมัย ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic มอบพละกำลังสูงสุดที่ 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า พร้อมให้แรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร และ 149 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

X2 sDrive20i M Sport X

บีเอ็มดับเบิลยู X2 sDrive20i M Sport X เครื่องยนต์เบนซิน เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic คลัตช์คู่ 7 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมทั้ง หลังคากระจกแบบ Panorama สองส่วนหน้า เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงหน้าจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ และวิทยุพร้อมการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth

X3 xDrive20d M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport มาพร้อมช่วงล่าง M Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 8 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ยที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร ทั้งนี้ยังมีหน้าจอ 10.25 นิ้ว และระบบการสั่งงานอัจฉริยะ BMW Gesture Control เป็นทั้งระบบนำทางและระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ หรือการสั่งงานด้วยเสียง

M2 Coupe


บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe ออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ มาพร้อมขุมกำลัง BMW M TwinPower Turbo 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดความเร็วสูงสุด 465 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 5,560 รอบต่อนาที มีอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 4.3 วินาทีและมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ควมคุมด้วยเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะตอบสนองการขับขี่แบบรถแข่ง

M4 Coupe

บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ M ซึ่งซะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับรถยนต์สไตล์สปอร์ตตระกูล M ที่มีเครื่องยนต์เป็นหัวใจสำคัญ โดยเครื่องยนต์เบนซิน BMW M TwinPower Turbo 6 สูบในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุดถึง 431 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 1,850-5,500 รอบต่อนาที มากกว่าแรงบิดสูงสุดของ M3 ประมาณ 40 % แต่สามารถลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อยมลพิษได้ถึง 25 % ที่เฉลี่ย 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัทช์คู่ 7 จังหวะ และสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 4.1 วินาที ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชท์คู่ M 7 สปีด

รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด

การแสดงสถานะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด

ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะและระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถได้จากทุกที่ ทุกเวลา

การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล

ผู้ใช้งานสามารถเปิด/ปิดเครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือตั้งเวลาเปิด/ปิดล่วงหน้าให้ตรงกับเวลาที่ต้องการออกเดินทาง และหากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

ระบบการนำทางที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย

การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล
โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน

BMW ConnectedDrive

อีกหนึ่งบริการพื้นฐานของ BMW ConnectedDrive คือ Intelligent Emergency Call ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ติดต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉินของบีเอ็มดับเบิลยูทางโทรศัพท์เพียงแค่กดปุ่ม SOS ซึ่งสามารถรองรับการบริการได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ระบบเซ็นเซอร์การชนจะส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งพิกัดรถ หมายเลขตัวถัง ชนิดของการชน สถานะของถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัย ไปยังศูนย์บริการโดยอัตโนมัติเพื่อการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

ผู้ใช้งาน BMW ConnectedDrive สามารถเลือกเพิ่มบริการและแอพพลิเคชั่นตามความต้องการของตนได้ ผ่าน BMW ConnectedDrive Store Concierge Servicesที่สุดของการบริการกับผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นไดเรกทอรีเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ที่น่าสนใจ เวลาเปิดทำการของสถาบันทางวัฒนธรรม ข้อมูลเที่ยวบิน การแนะนำร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายยา สนามกอล์ฟ หรือธนาคารที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยผู้ใช้งานสามารถโอนย้ายที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ไปยังระบบนำทางของรถได้โดยตรงพร้อมแสดงเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการผ่านระบบนำทางภายในรถในทันที ผ่านซิมการ์ดที่ถูกติดตั้งไว้ในรถยนต์

Apple CarPlay Supportเข้าถึงฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นโปรดใน iPhone จากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการเชื่อมต่อทาง Bluetooth ไม่ว่าจะฟังเพลง รับสายโทรศัพท์ หรือการใช้งานแผนที่ Apple Map, iMessage และแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ จาก iPhone ผ่านการสัมผัสหน้าจอ Control Display ระบบควบคุม iDrive หรือระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

ระบบนำทางพร้อมข้อมูลการจราจรจาก Real-Time Traffic Information (RTTI) ที่สามารถแสดงข้อมูลสภาพการจราจรแบบนาทีต่อนาที เพื่อแนะนำเส้นทางไปยังจุดหมายที่รวดเร็วที่สุด พร้อมแสดงสภาพอากาศบนแต่ละเส้นทาง ผ่านทั้งระบบนำทางภายในรถและแอพพลิเคชั่น BMW Connected

Web Radio ฟังเพลงโปรดผ่านวิทยุออนไลน์กว่าหมื่นสถานีจากทั่วโลก หรือเลือกฟังเพลงจากสถานีวิทยุส่วนตัวบนอินเตอร์เน็ตอย่าง Spotify ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

BMW Online ติดตามข้อมูลข่าวสารและสภาพอากาศล่าสุดจาก RSS feed และข้อมูลสภาพอากาศประจำวันโดยละเอียด รวมถึงพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 4 วัน และยังมีบริการ Online Search ที่สามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ต่าง ๆ และส่งข้อมูลไปยังระบบนำทางในรถโดยอัตโนมัติ

Remote Services เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของรถยนต์ เช่น ระยะทางหรือสถานะของหน้าต่างและประตูจากแอพพลิเคชั่น BMW Connected บนโทรศัพท์ หรือเว็บไซต์ BMW ConnectedDrive ซึ่งบริการนี้ยังสามารถควบคุมระบบปรับอากาศและระบบไฟจากระยะไกลได้เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดมากยิ่งขึ้นในทุกที่และทุกเวลา ผู้ใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อบริการBMW ConnectedDrive เข้ากับแอพพลิเคชั่น BMW Connected เพื่อใช้งานเทคโนโลยีล้ำสมัยของบีเอ็มดับเบิลยูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านทาง iPhone หรือ Apple Watch ซึ่ง BMW Connected มาพร้อมบริการที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน ได้แก่

BMW Connected Send To Car ส่งข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของจุดหมายปลายทางที่ค้นหาไว้ทางอินเตอร์เน็ตหรือสมาร์ทโฟน หรือข้อมูลนัดหมายการประชุมจากปฏิทิน ไปยังระบบนำทางในรถยนต์ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย

Time-To-Leave Notification

แอปพลิเคชั่น BMW Connected จะแจ้งเตือนเวลาที่ควรออกเดินทางผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะเดินทางถึงที่หมายได้ทันเวลา โดยระบบจะคำนวณเวลาในการเดินทางจากตำแหน่งของรถและสภาพการจราจรในช่วงเวลานั้นแสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถที่จอดอยู่ด้วยภาพสามมิติ โดยสามารถเลือกมุมมองต่าง ๆ ได้ผ่านทาง iPhone

สรุปราคารถ BMW

  • BMW​ 320d M Sport  ราคา 2,459,000 บาท
  • BMW 330e M Sport  ราคา 2,759,000 บาท
  • BMW 430i Convertible M Sport  ราคา 4,259,000 บาท
  • BMW 520d Sport  ราคา 3,439,000 บาท
  • BMW 530e M Sport  ราคา 3,939,000 บาท
  • BMW​ 630d GT M Sport  ราคา 4,739,000 บาท
  • BMW X2 sDrive20i M Sport X  ราคา 2,999,000 บาท
  • BMW X3 xDrive20d M Sport  ราคา 3,799,000 บาท
  • BMW M2 Coupe  ราคา 5,939,000 บาท
  • BMW M4 Coupe  ราคา 8,909,000 บาท

เนื้อหาล่าสุด

TSMC เริ่มผลิตชิป A13 สำหรับ iPhone 2019 แล้ว

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากประเทศไต้หวัน จะเป็นผู้ผลิตชิปเซ็ต A13 แต่เพียงผู้เดียว สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2019 นี้ ล่าสุด Bloomberg ได้รายงานว่า ...อ่านต่อ

Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ซื้อแอปบน Play Store ได้ด้วย “เงินสด”

เวลาเราจะซื้อแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บน iOS หรือ Android ปัจจัยที่สำคัญเลยก็คือ "บัตรเครดิต" หรือ "บัตรเดบิต" ที่จะมาช่วยจ่ายเงินเพื่อซื้อแอปต่าง ๆ บน App Store หรือ Play Store

สรุปทิศทางดิจิตอลทีวี 7 ช่องนี้จะหายไปหลังขอคืนใบอนุญาต

ท่ามกลางการแข่งขันทางด้านสื่อ โดยเฉพาะดิจิทัลทีวี ที่ทุกวันนี้ไม่ได้สู้เพื่อเป็นที่หนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอดของสถานี จนมาถึงวันนี้ ...อ่านต่อ

บลิ๊งค์ไทยปลื้มหนัก SAMSUNG ดึง Lisa ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ GALAXY S10

หลังจากที่ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิป ‘กาแลคซี่ เอส 10’ ไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดได้คว้าตัว ...อ่านต่อ

เตรียมออกล่า! Sony เปิดตัว Predator: Hunting Grounds

ในรายการ State of Play ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2019 ค่ายเกม Sony Interactive Entertainment ได้จับมือกับสตูดิโอภาพยนตร์ 20th Century Fox และทีมพัฒนา IllFonic ...อ่านต่อ

ทำไม Captain Marvel ดันไม่ใช่ฮีโร่ที่จะจัดการ Thanos ใน Endgame!

อีกหนึ่งตัวละครที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ฮีโร่ผู้ชายอย่าง Captain Marvel เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่มีพลังมหาศาลจริงๆ ...อ่านต่อ

คุณคิดว่า ‘Detective Pikachu’ จะแย่งเก้าอี้แชมป์ Box Office จาก ‘Avengers: Endgame’ ได้หรือไม่?

คำถามนี้ Warner Bros. และ Legendary จะให้คำตอบกับเราได้ภายในสัปดาห์นี้ภายหลังการเปิดตัวภาพยนตร์ Detective Pikachu ซึ่งนักวิเคราะห์อุสาหกรรมภายยนตร์ได้วิเคราะห์ออกมาแล้วว่า ...อ่านต่อ