ในที่สุด Mi Laptop Air โน้ตบุ๊กที่เราเห็นในอินเตอร์เน็ตสักพักแล้วก็เข้ามาขายในไทยสักที แบไต๋จะสรุปให้ฟังว่ามันดี ไม่ดียังไง

  • เริ่มกันที่ดีไซน์ก่อน เรื่องนี้เป็นจุดเด่นมาก ๆ ถ้าจะมีโน้ตบุ๊กตัวไหนที่เรียบกว่า MacBook ก็ต้องเป็น Mi Laptop นี้แหละ ตัวเครื่องดีไซน์โลหะสีเทาเข้า ไม่มีโลโก้อะไรเลยที่ฝาบน เวลาใช้คนอื่นคงต้องมีสงสัยกันบ้างแหละว่านี่โน้ตบุ๊กยี่ห้ออะไร

ซึ่งโลโก้ของ Mi จะมีอยู่ที่ใต้เครื่อง และบริเวณใต้จอเวลากางเครื่องออกมาเท่านั้น แหม ฝาหลังเรียบ ๆ แบบนี้มันน่าติดสติกเกอร์ยิ่งนัก!! ที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือเครื่องค่อนข้างบางเลยแหละสำหรับโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพเกือบสูงแบบนี้ คือหนาแค่ 1.48 cm แล้วก็หนักแค่ 1.3 kg ถือว่าเบามากสำหรับจอขนาด 13.3 นิ้วตัวนี้ พกพาไปไหนสะดวก

  • ตัวจอก็ให้ความละเอียด Full HD มา ซึ่งก็ให้สีสันได้สวยสดใสชัดเจนค่ะ ตัวกระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass ด้วย ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่านะ แต่รู้สึกว่าจอกระจกมันสดใสดีค่ะ สามารถใช้ทำงานพวกตกแต่งภาพได้คุณภาพดีเลยแหละ
  • ด้านบนจอนี้ก็เป็นกล้อง Webcam ตามมาตรฐานของโน้ตบุ๊กนะคะ
  • แล้วตัว Touchpad ตัวนี้ก็ไม่ธรรมดานะคะ มาพร้อมเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือตรงนี้ด้วย ขนาดของ Touchpad ก็ใหญ่ใช้ได้ ลองใช้มาทั้งวันโดยไม่ใช้เมาส์ก็ไม่ติดขัดอะไร
  • โดยรวมเรื่องดีไซน์เราให้ผ่านค่า หรูเรียบดูดีขนาดนี้ ไม่รู้จะติอะไร

มาดูที่ประสิทธิภาพเครื่องกันบ้างเนอะ Mi Laptop Air 13.3” ตัวนี้ใช้ชิป Intel Core i5 Gen 8 ค่ะ มาพร้อมแรม 8 GB หน่วยความจำแบบ SSD 256 GB และใช้ชิปกราฟิก NVIDIA GeForce MX150 ก็สเปกดูดีสำหรับการใช้งานทั่วไปเลย

  • เราเทสประสิทธิภาพ CPU ด้วย Geekbench 4 ออกมาได้คะแนน Multi-core ราว 12000 คะแนน และทดสอบ 3Dmark ชุดทดสอบ Time Spy เพื่อวัดประสิทธิภาพกราฟิกออกมาได้เกือบพันคะแนน โดยรวมคะแนนออกมาดีใช้ได้ค่ะ
  • ส่วนการใช้งานจริง ก็ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลหมด เปิดเว็บเป็นสิบๆ หน้าทำงานได้ไม่กระตุก เอาไปเล่นเกม 3D ที่ไม่ได้ปรับกราฟิกจนสุดก็ให้ภาพที่ลื่นไหลดี ซึ่งเราก็ไม่ได้หวังให้เครื่องระดับนี้เล่นเกม 3D ใหม่ล่าสุดได้ลื่นนะคะ

มาดูส่วนอื่น ๆ บ้างคะ ลำโพงอยู่ใต้เครื่อง ก็มีตราว่าจูนลำโพงด้วย AKG แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดัง ซึ่งเราฟังแล้วก็ชอบนะคะ เสียงดัง ให้ความกว้างของเสียงได้ดี ฟังเพลินๆ ได้ แต่ถ้าหวังว่ามันจะดีระดับลำโพงเครื่องเสียงก็ขอบอกว่ายังไม่ถึงระดับนั้นนะคะ เพราะถือว่าเบสมาน้อย ฟังแล้วไม่ตื๊บ ๆ

  • ส่วนคีย์บอร์ดก็ให้แบบ Chiclet พร้อมไฟใต้คีย์บอร์ดสวยๆ มา ซึ่งทีมงานเราทดสอบโดยการพิมพ์บทความความยาวหลายหน้า A4 บน Mi Laptop ตัวนี้มาแล้ว ก็เป็นคีย์บอร์ดที่ปุ่มและระยะต่างๆ ได้มาตรฐาน ถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดมาตรฐานคล่องอยู่แล้วก็สามารถพิมพ์ได้เลยโดยไม่ต้องปรับตัวอะไรอีก ซึ่งเรื่องนี้สำคัญสำหรับ Mi Laptop ตัวนี้นะคะ เพราะเครื่องที่ขายในไทยก็ไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยมาให้ค่ะ! จะมีสติกเกอร์ภาษาไทยแถมให้สำหรับแปะบนคีย์บอร์ดตัวนี้อย่างเดียว ซึ่งแปะแล้วความหรูของเครื่องลดลงไปเยอะค่ะ ถ้าใครพิมพ์ไทยคล่องๆ ก็ใช้คีย์บอร์ดภาษาอังกฤษโล่งๆ แบบนี้แหละ สวยกว่า
  • เรื่องแบตเตอรี่ Mi เคลมไว้ว่าใช้งานได้นาน 9.5 ชั่วโมง ซึ่งเราใช้จริงก็ไม่ถึงนะ น่าจะใช้ได้ราวๆ 7-8 ชั่วโมง ก็ถือว่าอึดใช้ได้ค่ะ ส่วนการชาร์จไฟจะชาร์จผ่านช่อง USB-C ด้านข้างเครื่องตรงนี้ โดยเป็นอแดปเตอร์แบบ USB-C ที่จ่ายไฟได้ 65 W แต่เรื่องที่ขัดใจเราอีกเรื่องหนึ่งคือ Adapter ที่แถมมานั้นตัวใหญ่ หนัก และเสียบยาก เวลาเสียบจะไปกินพื้นที่ปลั้กช่องอื่นๆ เรียกว่าคบกับคนอื่นไม่ได้เลย เราเลยใช้อแดปเตอร์ของ Innergie แทนตลอดช่วงเวลาการเทส
  • พอร์ตรอบเครื่องให้มาครบค่ะ มีพอร์ต USB-C ที่เอาไว้รับไฟ และเสียบอุปกรณ์อื่นๆ ได้ มี USB 3.0 ให้ 2 พอร์ต, พอร์ต HDMI เอาไว้ต่อภาพออก แล้วก็ช่องหูฟัง 3.5 mm ก็มาด้วย ถ้าจะขาดก็พอร์ต LAN ที่ต้องหาอแดปเตอร์มาแปลงเอานะคะ

Mi Laptop Air 13.3” ตั้งราคาเปิดตัวไว้ที่ 35,990 บาทค่ะ ก็เป็นราคาที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับคู่แข่งในตลาดนะคะ ไม่ได้ถูกจนตกใจ แล้วก็ไม่ได้แพงเมื่อเทียบกับดีไซน์และประสิทธิภาพเครื่องแบบนี้ ถ้าชอบก็จัดได้เลย