เขตมอร์โรว์ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา เดิมทีเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งเกษตรกรรมและโรงงานแปรรูปอาหารขนาดใหญ่ แต่ในช่วงหลัง พื้นที่นี้ได้กลายเป็นที่ตั้งของ Data Center จำนวนมากของ Amazon และดูเหมือนว่าการอยู่ร่วมกันของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเกษตรกรรมในพื้นที่นี้ กำลังก่อให้เกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง เมื่อผู้เชี่ยวชาญและรายงานจาก Rolling Stone เปิดเผยว่า การดำเนินงานของ Amazon อาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการปนเปื้อนของ “ไนเตรต” ในน้ำดื่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ นำไปสู่ความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทั้งโรคมะเร็งและการแท้งบุตร และมีการตั้งคำถามอย่างหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในพื้นที่

แม้รายงานของ Amazon จะแจ้งว่าไม่ได้ใช้สารไนเตรตที่เป็นอันตรายโดยตรงในกระบวนการทำงาน แต่ระบบระบายความร้อนของ Data Center กลับกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง 

เนื่องจาก Data Center สูบน้ำหลายสิบล้านแกลลอนต่อปีจากชั้นหินอุ้มน้ำเพื่อมาระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ เมื่อน้ำถูกนำมาซับความร้อน น้ำส่วนหนึ่งจะระเหยออกไป แต่สารไนเตรตไม่ได้ระเหยไปด้วย ทำให้ปริมาณไนเตรตที่เหลืออยู่ในน้ำมีความเข้มข้นสูงขึ้น น้ำที่ผ่านกระบวนการ ซึ่งเข้มข้นด้วยไนเตรต จะถูกส่งเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียและถูกนำไปใช้ในฟาร์ม แต่เนื่องจากดินทรายในพื้นที่มีความรูพรุนสูง น้ำเหล่านี้จึงไหลย้อนกลับลงสู่ชั้นน้ำใต้ดินที่ชาวบ้านใช้ดื่มกินอย่างรวดเร็ว

ผลลัพธ์คือ ในบ่อน้ำบางแห่งพบค่าความเข้มข้นของไนเตรตสูงถึง 73 ppm (ส่วนในล้านส่วน) ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานความปลอดภัยของรัฐที่กำหนดไว้เพียง 7 ppm ถึง 10 เท่า

ยิ่งบำบัด ยิ่งปนเปื้อน

ความน่ากังวลคือ Amazon มักจะดึงน้ำที่ปนเปื้อนอยู่แล้ว (เกินค่ามาตรฐานรัฐบาลกลาง) มาใช้ และเมื่อผ่านกระบวนการระบายความร้อน น้ำที่ปล่อยออกมาจะมีค่าไนเตรตพุ่งสูงขึ้นไปอีก โดยบางครั้งมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 56 ppm หรือเกินเกณฑ์ความปลอดภัยของรัฐโอเรกอนถึง 8 เท่า

เมื่อน้ำเสียเข้มข้นสูงเหล่านี้ถูกปล่อยกลับลงดิน ก็จะไหลวนกลับมาเป็นแหล่งน้ำดิบใหม่อีกครั้ง กลายเป็นวงจรการปนเปื้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ผลกระทบต่อประชากรในพื้นที่

การเพิ่มขึ้นของไนเตรตในน้ำดื่มมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสถิติการเกิดโรคมะเร็งหายาก และอัตราการแท้งบุตรที่สูงขึ้นในพื้นที่ซึ่งสถานการณ์นี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับวิกฤตน้ำปนเปื้อนที่เมืองฟลินท์ รัฐมิชิแกน เนื่องจากประชากรในเขตมอร์โรว์กว่า 40% อาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน

ด้าน Amazon ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อกล่าวหานี้ ลิซ่า เลวานดอฟสกี้ (Lisa Levandowski) โฆษกของบริษัทชี้แจงว่ารายงานดังกล่าว “ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและไม่ถูกต้อง” โดยให้เหตุผลหลัก 2 ประการ คือ น้ำที่ Amazon ใช้และปล่อยคืนสู่ระบบเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับระบบน้ำโดยรวม ไม่เพียงพอที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และปัญหาน้ำใต้ดินในพื้นที่นี้มีมาก่อนที่ AWS จะเข้ามาตั้งฐานการผลิต 

ถึง Amazon จะยืนยันว่าไม่ใช่ต้นเหตุ แต่สิ่งที่สังคมยังคงสงสัยคือ จุดกึ่งกลางระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีและสุขภาพของคนในชุมชนอยู่ตรงไหน และบริษัทจะมีแนวทางรับมือหรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้อย่างไรบ้าง