รีวิวเกม Blaster Master Zero 3 ตำนานรถถังอวกาศ ฉบับ 2 มิติ
Our score
8.0

Blaster Master Zero 3

จุดเด่น

  1. รูปแบบการเล่น 2D ที่สนุกเหมือนเกมในอดีต
  2. แอ็กชันที่เน้นสำรวจที่ทำได้ลงตัว

จุดสังเกต

  1. เหมาะกับแฟนเกมที่ชอบ 2D จริง ๆ
  2. ยากเกินไปสำหรับมือใหม่

หากคุณเกิดทันยุค 80s และทันเล่นเกมบนเครื่องแฟมิคอม คงจะพอจำได้ว่านอกจาก Super Mario , Rockman หรือ Contra อีกหนึ่งเกมที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ คือตำนานรถถัง Blaster Master ที่แม้ว่าในประเทศไทยอาจจะไม่ได้โด่งดังมากมาย แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะในอเมริกาที่มันได้รับความนิยมไม่แพ้เกมอื่นเลย และหลังจากมีการปัดฝุ่นเอามาสร้างใหม่ในชื่อ Blaster Master Zero ในที่สุดก็เดินทางมาถึงภาคใหม่ล่าสุดแล้ว

โดยเกม Blaster Master Zero 3 เป็นภาคต่อของการกลับมาเกิดใหม่ ที่เรื่องราวในครั้งนี้ จะสานต่อจากภาค 2 โดยหลังจากตัวเอก เจสัน ได้ผ่านการผจญภัยในห้วงอากาศมาเขาก็ได้เดินทางมาถึงเป้าหมายที่ดวงดาวโซเฟีย แต่แล้วก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมายจนเป็นการออกต่อสู้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องราวของยัง Blaster Master Zero 3 ยังคงเล่าผ่านเรื่องราวโดยทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีสิ่งให้ประหลาดใจ และจะนำไปสู่จุดจบของซีรีส์ ที่มีเส้นทางให้เลือกหลากหลายแบบรับประกันว่าคาดเดากันไม่ถูก แต่หากคุณไม่เคยเล่นซีรีส์นี้มาก่อนก็แนะนำให้เล่นภาค 1 กับ 2 ก่อนค่อยเล่นภาค 3 จะได้ไม่งง

กราฟิกแบบคลาสสิกที่ยังไม่เก่า

ภาพใน Blaster Master Zero 3 เหมือนกับสองภาคแรก ที่ใช้แนวทางย้อนยุคจัดเต็มมาแบบดอตพิกเซล แต่ไม่ได้ถึงขนาด 8Bit แบบสมัยแฟมิคอมสักทีเดียว เพราะมีการปรับให้ดูดีขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นก็ไม่ได้ดูเชยมากมายอะไร และผู้สร้างมีการใส่สีสันที่จัดเต็มกว่า รวมทั้งการเคลื่อนไหวของตัวละครที่ลื่นไหลกว่า อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงแนวทางคลาสสิกของเกมมาก ดังนั้นการเล่าเรื่องที่ใช้คัตซีนในเกมจะมาพร้อมกับการ์ตูนภาพนิ่ง แต่หากเข้าใจแนวทางตั้งแต่ต้นก็คือว่างานด้านภาพของเกมทำออกมาได้ดีงามเช่นเดิม

แน่นอนว่าเพลงประกอบก็มาแนวย้อนยุคเหมือนกับกราฟิก ใครชอบดนตรีในยุค 80s ที่มาแบบ 8Bit ต้องชื่นชอบแม้ว่าอาจจะไม่ได้มีเพลงธีมติดหูเท่ากับภาคก่อนก็ตาม ส่วนเสียงประกอบก็มาแนวน้อนยุคเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามแม้ภาพในเกมจะดูย้อนยุคแบบจัดเต็ม แต่ผู้สร้างก็ใส่เสียงพากย์ของตัวละครเข้ามาด้วย และเป็นต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นที่แฟน ๆ น่าจะชอบ แต่ก็มีเมนูเป็นภาษาอังกฤษทำให้คนไทยเข้าใจกับรูปแบบการเล่นและเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก และเรื่องราวของภาคนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของซีรีส์แล้วทำให้มันยิ่งน่าสนใจ

รูปแบบการเล่นแอ็กชัน 2D แบบ Metroidvania

เกมเพลย์ที่มองภายนอกแล้วหากคุณไม่เคยเล่นมาก่อนคงจะคิดว่ามันคือ แนวแอ็กชันรถถังตะลุยด่านลุยแหลกแบบ Metal Slug แต่ความจริงแล้ว Blaster Master มีการผสมผสานการแก้ปริศนาในฉากกว้าง ๆ แบบ 2 มิติเข้าไปด้วย เช่นการต้องออกไปค้นหาอาวุธใหม่มาเพื่อเปิดทางไปต่อ หรือที่แฟนเกมเรียกกันว่าแนว Metroidvania ที่ได้รับความนิยมในทุกวันนี้ ส่วนใน Blaster Master Zero 3 จะไม่ได้มีฉากใหญ่ด่านเดียว แต่เกมจะแบ่งออกเป็นหลายฉาก

ส่วนใหญ่ของเกมเราจะอยู่บนรถถังอวกาศสุดไฮเทคที่กระโดดได้ด้วย และยังสามารถยิงปืนใหญ่ได้หลายทิศทางทำให้มันเหมือนเป็นเกมแอ็กชันตะลุยตะลุยด่านที่ตัวละครเป็นรถถัง อย่างไรก็ตามจุดเด่นของ Blaster Master ตั้งแต่ภาคแรกก็คือการที่ตัวละครที่เป็นมนุษย์สามารถลงจากรถถังเพื่อไปแก้ปริศนาได้ แต่ในหลังจากลงจากรถต้องระวังตัวมากเพราะเราจะอ่อนแอมาก แค่ตกจากที่สูงนิดหน่อยก็เสียพลังแล้วต้องระมัดระวังกันสุด ๆ แต่ฉากในเกมจะมีส่วนของตัวละครมนุษย์ที่จะนำเสนอด้วยแอ็กชัน 2 มิติมุมมองด้านบนที่เข้าใจง่าย แน่นอนว่าทั้งสองรูปแบบเราต้องแก้ปริศนาไปพร้อมกับการต่อสู้กับศัตรูด้วย นอกจากนี้ท้ายของฉากจะมีบอสในทั้งสองโหมดให้เราจัดการด้วย ทำให้เหมือนกับว่า Blaster Master มี 2 รูปแบบให้เล่นในเกมเดียวกันเลย

ฉากซับซ้อนพอควรความยากก็จัดเต็ม

ฉากในเกมก็ออกแบบมาดีตามแนวทางของเกม ที่ชื่นชอบมากคือการซอยย่อยออกเป็นด่านตามที่บอกไปข้างต้น ทำให้ไม่ต้องมาจดจำอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้สั้นเกินไปเพราะต้องวนกลับมาเพื่อแก้ปริศนาหรือค้นหาของที่ซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่ต้องเดินไกลเพราะมีที่ Save ที่สามารถวาร์ปไปมาได้ตลอด โดยจะมีคำบอกใบ้ว่าต้องทำอะไรซึ่งต้องอ่านและตีความกันตลอดการเล่น นอกจากนี้ยังต้องสลับสับเปลี่ยนระหว่างการเล่นเป็นรถถังและมนุษย์กันตลอด ทำให้มันไม่น่าเบื่อ อีกทั้งความยากของเกมยังอยู่ในระดับสูงพอสมควร ซึ่งความจริงหากเทียบกับมาตรฐานเกมยุค 80s ถือว่ากลาง ๆ แต่สำหรับทุกวันนี้ถือว่ายากมากแถมตายแล้วก็ต้องกลับมาเริ่มใหม่ที่จุด Save อีกทำให้ต้องใช้ฝีมือพอสมควร

ส่วนอาวุธในภาคนี้ก็ใส่มาหลายรูปแบบที่มีทั้งอาวุธหลักที่เป็นปืนพื้นฐานยิงได้ไม่จำกัด และอาวุธเสริมที่เทพกว่าแต่จะมีพลังงานจำกัดต้องเก็บค่าพลังเหมือนเติมกระสุน แน่นอนว่ามันมีทั้งปืนของตัวละครที่เป็นมนุษย์เมื่อลงมาจากรถถังด้วย ที่ก็มีปืนเทพ ๆ ให้ใช้ด้วยเช่นกัน โดยเราจะต้องออกค้นหาอาวุธใหม่ที่ซ่อนอยู่ในฉาก ที่แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันทั้งกระสุนที่มีความรุนแรง , ปืนเลเซอร์ที่ล็อกเป้าได้ หรืออาวุธระยะสั้นอย่างแส้เลเซอร์ด้วย

นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดตัวละครด้วย เช่นการเพิ่มความสามารถของรถถังเช่นทำให้มันลอยตัวกลางอากาศได้แต่ก็มีค่าพลังจำกัดทำให้หากใช้พลังหมดก็ต้องรอให้แถบพลังขึ้นจนเต็มก่อน ทำให้ใช้ต่อเนื่องไม่ได้ นอกจากนี้ทั้งอาวุธและความสามารถพิเศษจำเป็นต่อการเล่น เพราะมีการออกแบบฉากที่ต้องใช้ท่าที่เกมกำหนด และศัตรูที่มาหลายรูปแบบและมีการแพ้ทางที่แตกต่างกันด้วย ทำให้ผู้เล่นต้องสลับปรับเปลี่ยนกันตลอดการต่อสู้ และทีมงานสร้างได้ใส่โหมดปรับแต่งปุ่มที่ใช้เรียกใช้งานอาวุธ และท่าไม้ตายได้สะดวกกว่าเดิมเข้ามาให้ด้วย

ส่วนของใหม่ในภาคนี้แม้อาจจะไม่มีใส่เข้ามากมายอะไร แต่ก็พอจะมีให้เห็นในพวกความสามารถใหม่ของตัวเอกที่จะมี ไอพ่นที่ติดอยู่ด้านหลังไว้ร่อนกลางอากาศได้ ทำให้สามารถกระโดดลงจากที่สูงแล้วไม่เสียพลังชีวิต รวมทั้งงานออกแบบฉากที่มีการใส่ไอเดียแปลกใหม่เข้าไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโลกต่างมิติที่มีการเล่นกับฉากสลับแรงดึงดูด รวมทั้งการทะลุมิติไปมาในช่วงท้ายของเกมที่มีการใส่ไอเดียของงานออกแบบฉากใน Super Mario ภาค 2D เข้าไปผสมผสานให้ดูแปลกใหม่ด้วย รวมทั้งบอสที่ไม่ได้ออกแบบมาเรียบ ๆ เชย ๆ เหมือนเกม 2D สมัยก่อนมีการใส่ลูกเล่นของเกม 2 มิติยุคใหม่เข้าไปด้วย

โดยรวมแล้วการกลับมาอีกครั้งของเกม Blaster Master Zero 3 อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเรื่องกราฟิกเพราะมันยังใช้แนวทางย้อนยุค แต่เกมเพลย์ถือว่าสนุกแบบจัดเต็มเพราะมันคือแอ็กชัน 2D แท้ ๆ ที่ได้รับความนิยมในอดีตมาปรับแต่งให้ทันสมัยด้วยลูกเล่นของเกมยุคใหม่เข้าไปได้อย่างลงตัว แม้ว่าตัวเกมหลัก ๆ จะสั้นไปหน่อยก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับราคาขายแล้วถือว่ายังพอจะคุ้มค่าน่าเล่นอยู่ และถือว่าเป็นอีกเกมแนว 2D ที่สร้างได้โดยทีมงานที่เข้าใจจริง ๆ ไม่ได้แค่อิงตามกระแสย้อนยุคเท่านั้น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส